การออกแบบ
AI เทียบกับ EPS
ทั้ง EPS และ AI ต่างก็เป็นไฟล์รูปแบบเวกเตอร์รุ่นบุกเบิกและเป็นประเภทไฟล์รูปภาพมาตรฐานที่ใช้ใน Adobe Illustrator แม้ทั้งคู่จะรองรับกราฟิกเวกเตอร์เหมือนกัน แต่ไฟล์ EPS สามารถรองรับรูปภาพบิตแมปได้ด้วย มาดูอย่างเจาะลึกว่าคุณสามารถใช้ไฟล์สองประเภทนี้ทำอะไรได้บ้างในปัจจุบันและทั้งสองมีความแตกต่างจากรูปแบบเวกเตอร์อื่นๆ อย่างไร
https://main--cc--adobecom.hlx.page/cc-shared/fragments/seo-articles/get-started-notification-blade
ไฟล์ EPS คืออะไร
EPS ย่อมาจาก Encapsulated Postscript ซึ่งเป็นไฟล์เวกเตอร์ประเภทหนึ่งที่บันทึกและจัดเก็บรูปภาพ ข้อความ รวมถึงการออกแบบต่างๆ โดยคุณสามารถเปิดและแก้ไขใหม่ได้ตลอดเวลา ในช่วงแรกเริ่ม EPS เคยเป็นประเภทไฟล์รูปภาพ 2 มิติที่สำคัญซึ่งใช้สำหรับงานพิมพ์คุณภาพสูงและรูปภาพที่ฝังไว้ในหน้าเว็บเป็นหลัก
ไฟล์ AI คืออะไร
Adobe ออกแบบไฟล์ AI ให้เป็นรูปแบบเริ่มต้นสำหรับ Illustrator ไฟล์ AI สามารถดึงเอาศักยภาพของ Illustrator ออกมาได้มากที่สุด โดยเฉพาะเมื่อต้องใช้งานกับรูปภาพเวกเตอร์ ไฟล์รูปภาพ AI นั้นมีข้อมูลและรายละเอียดอยู่มาก จึงเหมาะสำหรับใช้แก้ไขงานศิลปะหลังจากที่สร้างต้นฉบับเสร็จแล้ว ซึ่งไฟล์ AI แต่ละไฟล์สามารถเก็บอาร์ตบอร์ด (พื้นที่คล้ายผืนผ้าใบที่คุณสามารถใช้สร้างและแก้ไขภาพของคุณ) ไว้ได้มากมาย แต่ตัวไฟล์เองก็ถูกจำกัดให้มีเพียงหน้าเดียวเท่านั้น
ไฟล์ AI กับไฟล์ EPS แตกต่างกันอย่างไร
ไฟล์ EPS มีมานานกว่า มีขนาดใหญ่กว่า และยืดหยุ่นกว่าไฟล์ AI ในทางกลับกัน แม้ไฟล์ AI จะมีขนาดเล็กกว่า แต่ก็เก็บรายละเอียดได้มากกว่าไฟล์ EPS หากคุณต้องการจัดการขนาดของไฟล์ ไฟล์ AI ก็อาจเป็นรูปแบบไฟล์ที่เหมาะสำหรับคุณ ผู้คนจำนวนมากมองว่าไฟล์ AI เป็นส่วนย่อยของไฟล์ EPS ที่ปรับปรุงขึ้นและมีความซับซ้อนน้อยลง เนื่องจากไฟล์ AI รองรับเฉพาะเวกเตอร์เท่านั้น แต่แก้ไขได้ง่ายขึ้นและมีความเข้ากันกับซอฟต์แวร์ต่างๆ มากกว่า
เดิมที ไฟล์ EPS มีความเข้ากันกับซอฟต์แวร์ต่างๆ มากกว่าไฟล์ AI แต่เมื่อโปรแกรมซอฟต์แวร์พัฒนากันมากขึ้นและเข้ากันกับไฟล์ประเภทต่างๆ ได้มากขึ้น ไฟล์ AI จึงกลายมาเป็นประเภทไฟล์ที่เข้าถึงได้มากกว่า การที่ไฟล์ประเภท AI เข้ากันได้อย่างดีเยี่ยมกับไฟล์ประเภท PDF นั้นทำให้คุณสามารถเปิดไฟล์ประเภทนี้ได้ง่ายกว่าไฟล์ประเภท EPS
ประวัติของไฟล์ EPS และ AI
Adobe Illustrator เปิดตัวในปี 1987 และกลายเป็นซอฟต์แวร์ออกแบบกราฟิกชั้นนำอย่างรวดเร็ว ในช่วงแรกที่เปิดตัว Illustrator ใช้ EPS เป็นรูปแบบไฟล์มาตรฐาน เมื่อมีการเปิดตัว Illustrator 9.0 ทาง Adobe ก็เริ่มเปลี่ยนจากการใช้ไฟล์ EPS มาเป็นไฟล์ PGF แทน ซึ่งต่อมาก็ได้กลายเป็นไฟล์ AI
ปัจจุบัน คุณสามารถใช้ได้ทั้งไฟล์ EPS และไฟล์ AI ในการสร้างภาพวาด ภาพประกอบ การออกแบบ และอื่นๆ อีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นงานที่เรียบง่ายหรือซับซ้อนก็ตาม อย่างไรก็ดี ผู้ใช้ Adobe ส่วนมากยังคงนิยมใช้ AI กันอยู่เนื่องจากเป็นรูปแบบไฟล์กรรมสิทธิ์เฉพาะสำหรับ Illustrator
เวกเตอร์เทียบกับบิตแมป
รูปภาพบิตแมปคือแผนที่ของพิกเซล โดยแต่ละพิกเซลจะมีสีของตนเอง ซึ่งเมื่อรวมกันเป็นกลุ่มใหญ่แล้วจะทำให้เกิดรูปภาพขนาดใหญ่ที่เต็มไปด้วยรายละเอียดขึ้นมา อย่างไรก็ตาม รูปภาพแบบพิกเซลนั้นปรับขนาดได้ยากเนื่องจากรูปภาพเหล่านี้ประกอบด้วยพิกเซลเดี่ยวๆ จำนวนมาก เมื่อคุณปรับขนาดรูปภาพแบบพิกเซลให้มีขนาดใหญ่กว่าที่ควรเป็น รูปภาพนั้นจะมีพิกเซลไม่เพียงพอที่จะรักษาคุณภาพไว้ได้ในขนาดใหม่
กราฟิกเวกเตอร์ใช้รูปทรงเรขาคณิตและสัดส่วนทางคณิตศาสตร์ซึ่งอาศัยระบบของจุด เส้น รูปโค้ง เส้นโค้ง และรูปหลายเหลี่ยมในการสร้างรูปภาพขึ้นมา รูปภาพประเภทนี้เหมาะสำหรับการปรับขนาดเนื่องจากเส้นและรูปทรงที่เป็นรากฐานจะคงอัตราส่วนไว้ดังเดิมไม่ว่ารูปภาพจะมีขนาดเท่าใดก็ตาม
ไฟล์ EPS สามารถประมวลผลทั้งรูปภาพบิตแมปและเวกเตอร์ได้ ส่วนไฟล์ AI นั้นจะรองรับเฉพาะรูปภาพเวกเตอร์เท่านั้น
ความซับซ้อนของรูปภาพ
นักออกแบบจำนวนมากนิยมใช้รูปแบบเวกเตอร์โดยเฉพาะกับโครงการบางประเภทเนื่องจากรูปแบบนี้มีความแม่นยำ คุณภาพดี และปรับขนาดได้ คุณสามารถปรับให้เวกเตอร์มีขนาดเล็กเท่านามบัตรหรือขยายให้ใหญ่เท่าป้ายโฆษณาก็ได้ และทั้งสองขนาดก็จะมีคุณภาพสูงไม่ต่างกัน นอกจากนี้ ไฟล์ AI ยังมีคุณประโยชน์เพิ่มเติมในฐานะที่เป็นไฟล์ซึ่งเปี่ยมไปด้วยข้อมูล โดยไฟล์ประเภทนี้จะเก็บรายละเอียดของข้อมูลรูปภาพไว้ได้มาก คุณจึงแก้ไขรูปภาพได้ง่าย
ในแง่ของงานศิลปะ ไฟล์ AI สามารถรองรับรูปภาพที่มีความซับซ้อนกว่าไฟล์ EPS ได้ ไฟล์ AI เพียงหนึ่งหน้าก็เก็บข้อมูลรูปภาพได้ทั้งหมดทั้งยังเก็บอาร์ตบอร์ดต่างๆ ได้มากมาย ไฟล์ AI จึงเป็นรูปแบบไฟล์ที่ปรับแต่งได้ง่าย
ความโปร่งใส
ข้อดีอีกประการหนึ่งของไฟล์ AI คือไฟล์ประเภทนี้รองรับความโปร่งใส หากใช้เป็นเลเยอร์ ความโปร่งใสจะช่วยนักออกแบบกราฟิกให้สร้างสรรค์งานศิลปะที่พวกเขาสามารถนำไปจัดวางไว้บนพื้นหลังต่างๆ ได้อย่างแนบเนียน ไม่ว่าพวกเขาต้องการจะให้รูปภาพปรากฏบนพื้นที่ใดก็ตาม เช่น โลโก้ที่ปรากฏบนเว็บไซต์ เป็นต้น
กรณีการใช้งาน
แต่เดิมไฟล์ EPS ถูกนำไปใช้เพื่อฝังรูปภาพไว้บนเว็บไซต์และพิมพ์กราฟิกขั้นสูง ในปัจจุบัน JPEG, GIF และ PNG ได้มาแทนที่ EPS ในด้านการใช้งานบนเว็บไซต์ อย่างไรก็ตาม ไฟล์ EPS ยังคงมีประโยชน์สำหรับการพิมพ์ โดยเฉพาะสำหรับรูปภาพที่มีกราฟิกอันซับซ้อนและองค์ประกอบความละเอียดสูง
ไฟล์ AI นั้นเป็นที่นิยมสำหรับงานกราฟิกขนาดเล็ก โดยเฉพาะงานที่มีเส้นอันคมและสะอาด โดยนักออกแบบกราฟิกมักนำไฟล์ประเภทนี้มาใช้กับโลโก้ ไอคอน โปสเตอร์ และสิ่งพิมพ์ นอกจากนี้ Illustrator ยังมีประโยชน์สำหรับการออกแบบตัวอักษรหรือการสร้างแบบอักษรเช่นกัน และไฟล์ AI ก็ขึ้นชื่อว่าสามารถแสดงแบบอักษรได้อย่างแม่นยำอีกด้วย
ต่อไปในอนาคต
ไฟล์ AI เริ่มพบเห็นได้บ่อยกว่าไฟล์ EPS มากขึ้นเรื่อยๆ แม้ผู้คนจะยังคงใช้ไฟล์ EPS แต่นักออกแบบและนักวาดภาพประกอบก็สามารถสร้างรูปภาพประเภทเดียวกันนั้นในไฟล์ AI ได้อย่างง่ายดาย ในอนาคต ไฟล์ AI จะเป็นที่นิยมมากขึ้นเนื่องจากเป็นรูปแบบในระบบตามค่าเริ่มต้นของ Adobe Illustrator
ฉันจะแปลงไฟล์ JPEG เป็นไฟล์ EPS ได้อย่างไร
หากต้องการแปลงไฟล์ JPEG แบบราสเตอร์เป็นไฟล์ EPS แบบเวกเตอร์ด้วย Adobe Photoshop ให้ดำเนินการตามขั้นตอนง่ายๆ ต่อไปนี้
- เปิด Adobe Photoshop แล้วเลือก File (ไฟล์) > Open (เปิด)
- เลือกไฟล์ JPEG จากคอมพิวเตอร์ของคุณ
- เลือก File (ไฟล์) > Save As (บันทึกเป็น)
- เลือก EPS จากเมนูดรอปดาวน์ File Types (ประเภทไฟล์) แล้วคลิก Save (บันทึก)
- เลือกการตั้งค่าของคุณในแผงตัวเลือก EPS
- คลิกที่ OK (ตกลง) แล้วคลิก Export (ส่งออก)
ฉันจะแปลงไฟล์ PDF เป็นไฟล์ AI ได้อย่างไร
ให้ดำเนินการตามขั้นตอนต่อไปนี้เพื่อแปลงไฟล์ PDF เป็นไฟล์ AI ด้วย Illustrator
- เปิด Illustrator
- เลือก File (ไฟล์) > Open (เปิด) แล้วเลือกไฟล์ PDF ของคุณ
- เลือก File (ไฟล์) > Save As (บันทึกเป็น)
- เลือก AI จากเมนูดรอปดาวน์ File Types (ประเภทไฟล์)
- เลือก Export (ส่งออก)