#1E1E1E

Adobe Acrobat Sign

ปรับปรุงเวิร์กโฟลว์และเพิ่มยอดขาย

เวิร์กโฟลว์การขายช่วยให้คุณและตัวแทนฝ่ายขายทำงานในปริมาณมากได้อย่างรวดเร็ว เช่นเดียวกับครัวระดับมืออาชีพที่มีการจัดการที่ดี เรียนรู้วิธีทำเวิร์กโฟลว์ให้เป็นระบบเพื่อทำงานให้สำเร็จมากยิ่งขึ้น

สำรวจ Acrobat Sign

Business colleagues sitting in an office discussing improvements to their sales workflow

เวิร์กโฟลว์การขายทำให้งานสำเร็จ

การดำเนินการได้อย่างชำนาญจะส่งผลดีต่องานทุกประเภท การขายเองก็เช่นกัน เวิร์กโฟลว์การขาย หรือที่บางครั้งเรียกว่ากระบวนการขาย วงจรการขาย หรือกรวยการขาย เป็นขั้นตอนและเป้าหมายสำคัญที่ฝ่ายขายพยายามดำเนินการกับลูกค้าให้สำเร็จ โดยเวิร์กโฟลว์นี้ครอบคลุมตั้งแต่ขั้นแรกเริ่ม (การเข้าถึง) ไปจนถึงขั้นสุดท้าย (การปิดการขายและการกลับมาซื้อซ้ำ)

เวิร์กโฟลว์การขายเป็นมากกว่าแผน หากดำเนินการอย่างถูกวิธี เวิร์กโฟลว์การขายจะให้เกณฑ์ชี้วัดที่ช่วยให้คุณสามารถจัดอันดับและให้คะแนนแก่โอกาสทางการขายที่อาจเกิดขึ้นหรือผู้ที่อาจเป็นลูกค้าได้ เมื่อเวิร์กโฟลว์ของคุณชัดเจน เวิร์กโฟลว์นั้นจะกลายเป็นส่วนหนึ่งของขั้นตอนการขาย ซึ่งจะทำให้คุณสามารถประเมินโอกาสในการซื้อของลูกค้ารายหนึ่งๆ กล่าวคือ เวิร์กโฟลว์การขายจะช่วยให้คุณทำงานอย่างชาญฉลาดยิ่งขึ้นเพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพของการขายแต่ละครั้งได้

นอกจากนี้ เวิร์กโฟลว์การขายยังเป็นเครื่องมือสำหรับสมาชิกที่เหลือของทีม รวมถึงผู้นำทีมได้อีกด้วย เมื่อคุณมีเวิร์กโฟลว์ที่ชัดเจนและเชื่อถือได้ ทีมงานทั้งหมดของคุณจะสามารถดูข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับกระบวนการขายและค้นพบวิธีที่ช่วยให้คุณทำสิ่งต่างๆ ได้สำเร็จ

วิธีสร้างเวิร์กโฟลว์การขายที่ชัดเจน

อย่ากังวลไปหากคุณไม่รู้ขั้นตอนของเวิร์กโฟลว์การขายที่ชัดเจน คุณสามารถแบ่งเวิร์กโฟลว์การขายออกได้เป็นห้าขั้นตอนย่อยๆ ที่คุณสามารถดำเนินการซ้ำได้ โดยขั้นตอนเหล่านี้จะมอบโอกาสในการขายสำเร็จให้แก่คุณและพนักงานขายคนอื่นๆ มากที่สุด ยิ่งไปกว่านั้น การสร้างกลยุทธ์การขายด้วยเวิร์กโฟลว์ที่มีประสิทธิภาพยังช่วยประหยัดเงินได้มากทีเดียว

Business colleagues reviewing printed data as they develop their sales workflow

ศึกษาลูกค้าเป้าหมาย

ลูกค้าเป้าหมายคือบุคคลที่อาจเปลี่ยนมาเป็นลูกค้าได้ การศึกษาลูกค้าเป้าหมายใหม่ๆ ถือเป็นส่วนสำคัญของเวิร์กโฟลว์เพราะจะช่วยให้คุณสามารถวัดสิ่งที่เรียกว่าคุณภาพของลูกค้าเป้าหมายได้ การวัดคุณภาพของลูกค้าเป้าหมายคือการพิจารณาว่าลูกค้าเป้าหมายมีแนวโน้มที่จะดำเนินไปตามกรวยการขายตั้งแต่การติดต่อครั้งแรกไปจนถึงการขายในขั้นสุดท้ายหรือไม่ ทั้งนี้ กรวยการขายคือแบบจำลองทางทฤษฎีที่แสดงเส้นทางของลูกค้าในกระบวนการขายของคุณ

หากลูกค้าเป้าหมายของคุณมีปัญหาบางอย่างที่ผลิตภัณฑ์สามารถแก้ไขได้หรือมีเป้าหมายที่ผลิตภัณฑ์ช่วยให้ประสบความสำเร็จได้ นั่นแสดงว่าคุณได้ลูกค้าเป้าหมายที่มีคุณภาพแล้ว

การรู้จักลูกค้าเป้าหมายถือเป็นหนึ่งในวิธีที่ดีที่สุดในการเริ่มต้นการขายผลิตภัณฑ์ให้พวกเขา คุณควรเรียนรู้เกี่ยวกับลูกค้าเป้าหมายของคุณให้มากที่สุดก่อนที่จะเริ่มทำการขาย ข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับความต้องการ ข้อมูลเชิงประชากรศาสตร์ และข้อมูลอื่นๆ จะช่วยให้คุณประสบความสำเร็จในการขายได้ในอนาคต

ติดต่อลูกค้าเป้าหมาย

หลังจากที่ศึกษาลูกค้าเป้าหมายแล้ว ก็ถึงเวลาติดต่อลูกค้าเป้าหมาย คุณหรือฝ่ายขายของคุณจะต้องติดต่อกับลูกค้าเป้าหมายทางโทรศัพท์หรืออีเมล แม้ว่าวิธีแบบดั้งเดิมอย่างการโทรเสนอขายอาจได้ผลในบางครั้ง แต่ในปัจจุบัน ฝ่ายขายสามารถเข้าถึงช่องทางที่ดีกว่านั้น เช่น อีเมลและโซเชียลมีเดียได้ คุณจึงมีตัวเลือกเพิ่มเติมในการติดต่อกับลูกค้าเป้าหมายด้วยวิธีที่พวกเขาต้องการ

การพบกับฝ่ายขายครั้งแรกนั้นสามารถกำหนดได้ว่าลูกค้าเป้าหมายจะดำเนินการตามขั้นตอนของกระบวนการซื้อต่อหรือไม่ เพราะฉะนั้น คุณจะต้องตรวจสอบให้แน่ใจว่าตัวคุณเองและทีมได้ศึกษาลูกค้าเป้าหมายมาเป็นอย่างดีแล้วในขั้นตอนก่อนหน้า จึงค่อยติดต่อกับลูกค้าเป้าหมาย

ตรวจสอบคุณสมบัติของลูกค้าเป้าหมาย

เมื่อคุณติดต่อกับลูกค้าเป้าหมายแล้ว คุณจะเข้าใจมากขึ้นว่าพวกเขาเป็นลูกค้าเป้าหมายที่มีคุณภาพหรือไม่ และพวกเขาต้องการสิ่งใดจึงจะเปลี่ยนเป็นลูกค้าจริง ลูกค้าเป้าหมายที่มีคุณภาพหมายถึงลูกค้าเป้าหมายที่เหมาะกับผลิตภัณฑ์ของคุณ การทราบเกี่ยวกับคุณสมบัติและความพร้อมในการซื้อของลูกค้าเป้าหมายจะช่วยให้คุณทราบว่าควรติดตามผลกับลูกค้าเป้าหมายเหล่านั้นอย่างไร

คุณควรตรวจสอบให้แน่ใจว่าได้บันทึกข้อมูลเกี่ยวกับลูกค้าเป้าหมายตลอดทั้งกระบวนการ ซึ่งโดยปกติแล้วมักจะเป็นการบันทึกในระบบการจัดการลูกค้าสัมพันธ์ (CRM) ระบบ CRM จะช่วยให้คุณแชร์ข้อมูลเกี่ยวกับลูกค้าเป้าหมายให้กับสมาชิกฝ่ายขายทั้งหมดเพื่อให้ทุกคนเข้าใจตรงกันได้

แสดงสิ่งที่คุณมี

หากคุณเริ่มได้ทราบว่าลูกค้าคนหนึ่งเป็นลูกค้าเป้าหมายที่มีคุณภาพแล้ว ลูกค้าดังกล่าวก็มีแนวโน้มสูงที่จะซื้อ และเราจะเรียกลูกค้าประเภทนี้ว่าลูกค้ามุ่งหวัง ซึ่งหมายความว่าถึงเวลานำเสนอผลิตภัณฑ์แล้ว

ดังนั้น โปรดเตรียมการสาธิตหรือการนำเสนอเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ของคุณไว้ให้พร้อม และจะดียิ่งไปกว่านั้นอีกหากการนำเสนอหรือการสาธิตของคุณแสดงให้เห็นว่าผลิตภัณฑ์ของคุณตอบโจทย์ความต้องการและความจำเป็นของลูกค้ามุ่งหวังได้อย่างไร นอกจากนี้ โปรดเตรียมตอบข้อสงสัยใดๆ ของพวกเขาด้วย การเปิดวิดีโอเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์อาจเป็นวิธีที่ดีในการนำเสนอเช่นที่กล่าวไป

A business person works on their sales workflow at their desk

เซ็นชื่อ ประทับตรา และปิดการขาย

ในเวิร์กโฟลว์ขั้นตอนนี้ ลูกค้ามุ่งหวังนั้นเกือบพร้อมที่จะเป็นลูกค้ารายใหม่แล้ว อาจมีการเจรจาต่างๆ เกิดขึ้น มีการพูดคุยเกี่ยวกับทางเลือกในการชำระเงิน และกระบวนการก็ดำเนินเกือบจนถึงขั้นตอนในการขายผลิตภัณฑ์ การใช้ลายเซ็นอิเล็กทรอนิกส์ด้วยความช่วยเหลือจาก Acrobat Sign ถือเป็นวิธีที่ดีในการลดความยุ่งยากในกระบวนการนี้และช่วยให้แน่ใจว่าการจัดทำเอกสารการขายจะดำเนินไปอย่างราบรื่นที่สุด คุณคงไม่ต้องการให้ผู้มีโอกาสลูกค้าหายเงียบไปเฉยๆ ในขั้นตอนสุดท้ายเพียงเพราะกระบวนการทางธุรกิจที่ติดขัด

Acrobat Sign มีเครื่องมือต่างๆ ที่สามารถช่วยให้ทุกเวิร์กโฟลว์การขายดำเนินไปอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น เช่น เทมเพลตสำหรับการสร้างสัญญาซื้อขาย การตั้งการเตือนอัตโนมัติ และความสามารถในการตรวจสอบว่าใครเป็นผู้เซ็นสัญญาฉบับใด เป็นต้น

การวัดผลความสำเร็จของเวิร์กโฟลว์

ส่วนประกอบที่สำคัญในการวัดผลความสำเร็จของเวิร์กโฟลว์การขายมีอยู่สองประการ ได้แก่ การติดตามและ KPI

ตัวบ่งชี้ประสิทธิภาพหลัก

หรือที่รู้จักกันในชื่อ KPI เป็นชุดเกณฑ์ที่กำหนดมาตรฐานสำหรับเป้าหมายในการขาย คุณสามารถวัดสิ่งต่างๆ ต่อไปนี้ได้ด้วยการใช้ KPI

  • ลูกค้ามุ่งหวังใช้เวลานานเพียงใดในการเปลี่ยนจากเวิร์กโฟลว์ขั้นหนึ่งไปสู่อีกขั้นหนึ่ง
  • ต้องใช้การโทรเสนอขายหรือความพยายามในการเข้าถึงมากเพียงใดในการทำให้ลูกค้ามุ่งหวังดำเนินไปสู่ขั้นต่อไปในเวิร์กโฟลว์
  • การเลิกซื้อซึ่งเป็นอัตราและเวลาที่ลูกค้าจะออกจากเวิร์กโฟลว์ของคุณ

โดยแต่ละเกณฑ์ชี้วัดจะช่วยให้คุณเข้าใจได้อย่างถ่องแท้ว่าความพยายามในการขายและการตลาดของคุณนั้นมีประสิทธิภาพดีเพียงใด ทั้งยังสามารถให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับสิ่งที่ไม่เหมาะสมและจะต้องมีการเปลี่ยนแปลงได้

การติดตามและการรายงาน

นอกจากนี้ คุณยังสามารถปรับปรุงการติดตามความพยายามของคุณในภาพรวมได้ด้วยความช่วยเหลือจาก KPI และ CRM ซึ่งจะมีประโยชน์อย่างมากเมื่อคุณต้องรายงานต่อหัวหน้าหรือเมื่อคุณต้องการที่จะพัฒนาตนเอง

ระบบ CRM ช่วยให้คุณรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับลูกค้ามุ่งหวังและเป้าหมายในการขายได้อย่างง่ายดาย ซึ่งจะช่วยให้คุณมีข้อมูลที่จำเป็นในการทำให้เวิร์กโฟลว์ของคุณโปร่งใสและติดตามตรวจสอบได้

Examples of using Adobe Sign for sales workflows on a laptop and a smartphone

Acrobat Sign สำหรับเวิร์กโฟลว์การขายและข้อเสนอต่างๆ

ไม่ว่าคุณจะเป็นตัวแทนขายหรือเป็นผู้มีส่วนตัดสินใจ เช่น ผู้จัดการฝ่ายขาย สิ่งที่สำคัญสำหรับกระบวนการหรือเวิร์กโฟลว์การขายใดๆ คือโซลูชันลายเซ็นอิเล็กทรอนิกส์ที่สมบูรณ์และมีความสอดคล้องกับการทำงาน

หากคุณทำงานที่จำเป็นต้องดึงดูดลูกค้าเป้าหมายและปิดการขายในสภาวะที่มีการแข่งขันสูงขึ้นเรื่อยๆ การสูญเสียเวลาไปกับการพิมพ์และส่งแบบฟอร์มกลับไปกลับมานั้นเป็นสิ่งที่ไม่จำเป็นเลย

คุณสามารถเพิ่มลายเซ็นอิเล็กทรอนิกส์และลายเซ็นดิจิทัลเพื่อช่วยให้พนักงานและผู้เซ็นเริ่มกระบวนการเซ็นชื่ออย่างง่ายดายได้จากทุกที่ด้วย Acrobat Sign นอกจากนี้ ยังมีการผสานการทำงานกับแอปพลิเคชันอย่าง Salesforce, SAP และ Oracle เพื่อให้แน่ใจว่าระบบ CRM ที่คุณมีพร้อมสำหรับการทำงานอัตโนมัติที่ดียิ่งขึ้น

ยิ่งไปกว่านั้น คุณยังสามารถใช้แดชบอร์ดในการจัดการเอกสาร จัดทำรายงาน และติดตามวงจรการทำเอกสารได้แบบเรียลไทม์ ดูว่าโซลูชันของ Adobe สามารถช่วยคุณได้อย่างไรและสำรวจเทมเพลตรวมทั้งบทช่วยสอนมากมายที่จะช่วยให้คุณเริ่มต้นใช้งานได้

https://main--dc--adobecom.hlx.page/dc-shared/fragments/seo-articles/acrobat-color-blade