#F5F5F5

การถ่ายภาพ

ไฟล์ BMP

รูปแบบ BMP เป็นไฟล์ราสเตอร์ที่ไม่ผ่านการบีบอัดซึ่งออกแบบมาเพื่อแสดงรูปภาพคุณภาพสูงบน Windows และจัดเก็บภาพถ่ายที่เหมาะสำหรับการพิมพ์ มาเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับประวัติ วิธีการใช้งาน เหตุผลที่ต้องใช้ รวมทั้งข้อดีและข้อเสียของไฟล์ BMP

สำรวจ Creative Cloud

BMP marquee image

https://main--cc--adobecom.hlx.page/cc-shared/fragments/seo-articles/get-started-notification-blade

ไฟล์ BMP คืออะไร

ไฟล์ BMP ย่อมาจากคำว่า Bitmap (บิตแมป) ซึ่งโดยทั่วไปจะอ่านว่า “บั๊ม” แต่บางครั้งคุณก็อาจได้ยินผู้คนเรียกรูปแบบนี้ว่า Device Independent Bitmap (หรือ DIB) เช่นกัน

เดิมที Microsoft พัฒนารูปแบบ BMP ขึ้นมาสำหรับระบบปฏิบัติการ Windows เพื่อรักษาความละเอียดของรูปภาพดิจิทัลที่นำไปแสดงผลบนหน้าจอและอุปกรณ์ต่างๆ ไฟล์ประเภทนี้สามารถจัดเก็บรูปภาพสองมิติได้ไม่ว่าจะเป็นภาพสีหรือภาพขาวดำ

ปัจจุบัน ไฟล์ BMP ไม่ได้ถูกจำกัดให้ใช้เฉพาะกับอุปกรณ์ Windows อีกต่อไป อุปกรณ์ Mac และ Android จำนวนมากก็เข้ากันกับไฟล์ประเภทนี้ได้เช่นกัน นอกจากนี้ คุณยังสามารถสังเกตหาไฟล์ประเภทนี้ได้ง่ายอีกด้วย แค่มองหานามสกุลไฟล์ .BMP เท่านั้น

ประวัติของไฟล์ BMP

ในช่วงทศวรรษ 1990 บริษัท Microsoft ได้พัฒนารูปแบบไฟล์ BMP ขึ้นมาเพื่อให้ข้อมูลรูปภาพสามารถแสดงผลได้โดยไม่ขึ้นกับอุปกรณ์ Windows เพราะเหตุใดเรื่องนี้จึงสำคัญ เมื่อสามารถดูไฟล์บนอุปกรณ์อื่นได้ รูปแบบ BMP ใหม่นี้จะป้องกันไม่ให้รูปภาพเบลอหรือผิดเพี้ยนไป ผู้ใช้จึงไม่จำเป็นต้องใช้เครื่องมือปรับภาพกราฟิกอีกต่อไป

ไฟล์ BMP เก็บข้อมูลโดยไม่บีบอัด จึงเหมาะสำหรับการจัดเก็บและแสดงรูปภาพดิจิทัลคุณภาพสูงอย่างยิ่ง ข้อเสียของไฟล์ประเภทนี้คือ เมื่อไม่มีการบีบอัด ไฟล์ BMP ก็มักจะมีขนาดใหญ่กว่าไฟล์ JPEG และ GIF ส่วนข้อดีก็คือ รูปแบบ BMP นั้นเหมาะสำหรับใช้เป็นภาพถ่าย 2 มิติ ไอคอน และภาพบันทึกหน้าจออย่างยิ่ง

วิธีการใช้ไฟล์ BMP

การใช้งานหลักๆ ของไฟล์ BMP ได้แก่

การจัดเก็บรูปภาพดิจิทัลคุณภาพสูง

ไฟล์ BMP อยู่ในรูปแบบราสเตอร์ ซึ่งหมายความว่ารูปภาพที่ไฟล์เก็บเอาไว้นั้นสร้างขึ้นจากพิกเซล ไฟล์ BMP จึงสามารถจัดเก็บรูปภาพที่มีสีสันและรายละเอียดได้หลากหลายแบบ จึงเหมาะสำหรับภาพถ่ายดิจิทัล 2 มิติคุณภาพสูงอย่างยิ่ง และเนื่องจากไฟล์ประเภทนี้โดยทั่วไปแล้วจะไม่มีการบีบอัด ไฟล์ BMP จึงสามารถรองรับข้อมูลรูปภาพได้ในระดับสูง

การรองรับกระบวนการพิมพ์ภาพถ่าย

เหตุผลมากมายที่กล่าวไปข้างต้นนั้นทำให้ไฟล์ BMP เหมาะสำหรับการจัดเก็บภาพถ่ายเช่นกัน นอกจากนี้ ไฟล์ประเภทนี้ยังเป็นตัวเลือกที่ดีเมื่อคุณต้องการพิมพ์ภาพถ่ายแบบเต็มสีสันที่มีลายละเอียดซับซ้อนอีกด้วย ทั้งนี้ BMP จะไม่สูญเสียข้อมูลทุกครั้งที่คุณแก้ไขและบันทึกไฟล์ ต่างกับ JPEG ที่บีบอัดข้อมูลไฟล์รูปภาพ

ดูไฟล์ราสเตอร์ประเภทอื่นๆ

ข้อดีและข้อเสียของไฟล์ BMP

ก่อนที่คุณจะตัดสินใจใช้ไฟล์รูปภาพในรูปแบบ BMP ให้คุณลองคำนึงถึงข้อดีและข้อเสียของไฟล์รูปแบบนี้สักครู่

ข้อดีของไฟล์ BMP

  • ไฟล์ BMP แต่ละไฟล์นั้นจะไม่ขึ้นกับอุปกรณ์ ไฟล์ประเภทนี้จึงสามารถถูกจัดเก็บและแสดงผลบนอุปกรณ์และหน้าจอต่างๆ ได้โดยที่คุณภาพไม่ลดลง
  • รูปแบบ BMP นั้นสามารถใช้งานได้มากมายหลายอย่าง เพราะไฟล์ประเภทนี้สามารถรองรับความลึกของสี โปรไฟล์สี และอัลฟาแชนแนลได้มากมาย นอกจากนี้ยังรองรับการบีบอัดข้อมูลอีกด้วย
  • ไฟล์ BMP เข้ากันได้กับเว็บเบราว์เซอร์และซอฟต์แวร์ประเภทต่างๆ มากมาย Adobe Photoshop เป็นเพียงหนึ่งในโปรแกรมแก้ไขรูปภาพที่รองรับไฟล์รูปแบบนี้

ข้อเสียของไฟล์ BMP

  • บางคนเชื่อว่ารูปแบบไฟล์ BMP นั้นอาจล้าสมัยเพราะไฟล์ประเภทนี้ออกแบบมาสำหรับแอปพลิเคชันเดสก์ท็อปเก่าๆ สำหรับ Windows ก่อนที่อุปกรณ์มือถือของ Android และ Apple จะกลายเป็นที่นิยมขึ้นมา
  • ไฟล์ BMP ที่ไม่ผ่านการบีบอัดอาจมีขนาดใหญ่กว่า JPEG และ PNG ไฟล์ประเภทนี้จึงแชร์ได้ยากกว่า นอกจากนี้ ไฟล์ยังอาจมีขนาดใหญ่เกินกว่าที่จะใช้กับเว็บไซต์หรือจัดเก็บไว้ในฮาร์ดไดรฟ์ที่มีพื้นที่ว่างไม่มากนัก
  • ไฟล์ BMP สามารถเก็บได้เฉพาะรูปภาพ RGB เท่านั้น คุณจึงจำเป็นต้องคำนึงถึงเรื่องนี้หากงานของคุณต้องใช้สี CMYK เป็นประจำ

วิธีการเปิดไฟล์ BMP

คุณสามารถเปิดไฟล์ BMP บน PC หรือ Mac ก็ได้ด้วยซอฟต์แวร์ภายนอก เช่น Adobe Creative Cloud

หากคุณใช้ PC หรือ Mac ให้เริ่มจากเปิดโฟลเดอร์ที่มีไฟล์ BMP ที่ต้องการใช้งาน คลิกขวาที่ชื่อไฟล์แล้วเลื่อนลงมาที่ตัวเลือก Open With (เปิดด้วย) จากนั้น คุณก็สามารถเลือกใช้หนึ่งในแอปพลิเคชันที่มีอยู่มากมายเพื่อแสดงผลไฟล์ BMP ของคุณได้ ซึ่งรวมถึง Adobe Photoshop, Windows Photos, Apple Photos และอื่นๆ อีกมากมาย

วิธีสร้างและแก้ไขไฟล์ BMP

คุณสามารถสร้างและแก้ไขไฟล์ BMP ใน Photoshop ได้โดยดำเนินการตามขั้นตอนง่ายๆ ดังนี้

  1. หลังจากปรับแต่งรูปภาพใหม่หรือแก้ไขไฟล์ที่มีอยู่ใน Photoshop แล้ว ให้คลิกที่ File (ไฟล์) และเลือก Save As (บันทึกเป็น)
  2. เลือก BMP จากเมนู Format (รูปแบบ)
  3. ป้อนชื่อและเลือกตำแหน่งที่คุณต้องการบันทึกไฟล์ BMP ใหม่ แล้วคลิก Save (บันทึก)
  4. ไปที่กล่องโต้ตอบ BMP Options (ตัวเลือก BMP) หากต้องการดูตัวเลือกการแก้ไขและการบันทึกขั้นสูงเพิ่มเติม

ไฟล์ BMP: คำถามที่พบบ่อย

ไฟล์ BMP กับไฟล์ JPEG แตกต่างกันอย่างไร
BMP มักจะเป็นไฟล์ที่มีขนาดใหญ่ซึ่งไม่มีการบีบอัด โดยไฟล์ประเภทนี้เหมาะสำหรับใช้งานกับรูปภาพคุณภาพสูงที่มีรายละเอียด แต่ในขณะเดียวกันก็นำไปแชร์และจัดเก็บได้ยาก ในทางกลับกัน JPEG นั้นสามารถนำไปแชร์หรือใช้งานบนเว็บไซต์ได้ง่ายกว่าเนื่องจากมีการบีบอัดให้ไฟล์มีขนาดเล็กลง อย่างไรก็ตาม ทุกครั้งที่คุณบีบอัดไฟล์ JPEG ข้อมูลรูปภาพบางส่วนก็จะสูญหายไป ดูความแตกต่างระหว่าง BMP กับ JPEG เพิ่มเติม
สามารถทำให้ไฟล์ BMP เป็นภาพเคลื่อนไหวได้ไหม
โดยทั่วไปแล้ว ไฟล์ BMP ไม่รองรับภาพเคลื่อนไหว หากต้องการสร้างภาพเคลื่อนไหวแบบง่ายๆ ที่สามารถบันทึกและแชร์ได้ค่อนข้างรวดเร็ว คุณควรลองใช้รูปแบบไฟล์ GIF แทน
ไฟล์ BMP มีขนาดเล็กกว่า PNG หรือไม่
PNG เป็นรูปแบบไฟล์ที่มีการบีบอัดแบบไม่สูญเสียข้อมูล จึงมักจะมีขนาดเล็กกว่า โดยไฟล์รูปแบบนี้จะไม่สูญเสียข้อมูลสำคัญๆ ในระหว่างกระบวนการบีบอัด ไฟล์ PNG โดยทั่วไปแล้วจะมีขนาดเล็กกว่าไฟล์ BMP ซึ่งมักจะไม่ผ่านการบีบอัดและเก็บข้อมูลไว้มากกว่า
ไฟล์ BMP สามารถจัดเก็บสีได้กี่สี
ไฟล์ BMP รองรับทั้งรูปภาพแบบสีและแบบขาวดำ โดยสามารถรองรับได้ถึง 16.7 ล้านสี
ไฟล์ราสเตอร์คืออะไรและเกี่ยวข้องกับไฟล์ BMP อย่างไร
BMP เป็นไฟล์ราสเตอร์ประเภทหนึ่ง ซึ่งหมายความว่ารูปภาพ BMP นั้นสร้างขึ้นจากพิกเซล ไฟล์รูปภาพอีกประเภทหนึ่งที่เป็นที่นิยมใช้โดยทั่วไปคือไฟล์เวกเตอร์ รูปแบบราสเตอร์ถูกออกแบบมาสำหรับภาพถ่ายและกราฟิกบนเว็บโดยเฉพาะ ในทางกลับกัน ผู้คนมักใช้รูปแบบเวกเตอร์สำหรับโลโก้หรืองานออกแบบที่ละเอียดซึ่งจำเป็นต้องมีการปรับขนาด ไฟล์เวกเตอร์นั้นต่างจากไฟล์ราสเตอร์ที่สร้างขึ้นจากพิกเซล โดยไฟล์เวกเตอร์จะไม่สูญเสียความละเอียดเมื่อปรับขนาดเพราะไฟล์เวกเตอร์นั้นสร้างขึ้นจากสูตรคณิตศาสตร์คล้ายกราฟที่ซับซ้อนซึ่งสามารถขยายออกไปได้อย่างไม่มีที่สิ้นสุด เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับความแตกต่างระหว่างราสเตอร์และเวกเตอร์
ไฟล์ BMP กับไฟล์ JPEG แตกต่างกันอย่างไร
BMP มักจะเป็นไฟล์ที่มีขนาดใหญ่ซึ่งไม่มีการบีบอัด โดยไฟล์ประเภทนี้เหมาะสำหรับใช้งานกับรูปภาพคุณภาพสูงที่มีรายละเอียด แต่ในขณะเดียวกันก็นำไปแชร์และจัดเก็บได้ยาก ในทางกลับกัน JPEG นั้นสามารถนำไปแชร์หรือใช้งานบนเว็บไซต์ได้ง่ายกว่าเนื่องจากมีการบีบอัดให้ไฟล์มีขนาดเล็กลง อย่างไรก็ตาม ทุกครั้งที่คุณบีบอัดไฟล์ JPEG ข้อมูลรูปภาพบางส่วนก็จะสูญหายไป ดูความแตกต่างระหว่าง BMP กับ JPEG เพิ่มเติม
สามารถทำให้ไฟล์ BMP เป็นภาพเคลื่อนไหวได้ไหม
โดยทั่วไปแล้ว ไฟล์ BMP ไม่รองรับภาพเคลื่อนไหว หากต้องการสร้างภาพเคลื่อนไหวแบบง่ายๆ ที่สามารถบันทึกและแชร์ได้ค่อนข้างรวดเร็ว คุณควรลองใช้รูปแบบไฟล์ GIF แทน
ไฟล์ BMP มีขนาดเล็กกว่า PNG หรือไม่
PNG เป็นรูปแบบไฟล์ที่มีการบีบอัดแบบไม่สูญเสียข้อมูล จึงมักจะมีขนาดเล็กกว่า โดยไฟล์รูปแบบนี้จะไม่สูญเสียข้อมูลสำคัญๆ ในระหว่างกระบวนการบีบอัด ไฟล์ PNG โดยทั่วไปแล้วจะมีขนาดเล็กกว่าไฟล์ BMP ซึ่งมักจะไม่ผ่านการบีบอัดและเก็บข้อมูลไว้มากกว่า
ไฟล์ BMP สามารถจัดเก็บสีได้กี่สี
ไฟล์ BMP รองรับทั้งรูปภาพแบบสีและแบบขาวดำ โดยสามารถรองรับได้ถึง 16.7 ล้านสี
ไฟล์ราสเตอร์คืออะไรและเกี่ยวข้องกับไฟล์ BMP อย่างไร
BMP เป็นไฟล์ราสเตอร์ประเภทหนึ่ง ซึ่งหมายความว่ารูปภาพ BMP นั้นสร้างขึ้นจากพิกเซล ไฟล์รูปภาพอีกประเภทหนึ่งที่เป็นที่นิยมใช้โดยทั่วไปคือไฟล์เวกเตอร์ รูปแบบราสเตอร์ถูกออกแบบมาสำหรับภาพถ่ายและกราฟิกบนเว็บโดยเฉพาะ ในทางกลับกัน ผู้คนมักใช้รูปแบบเวกเตอร์สำหรับโลโก้หรืองานออกแบบที่ละเอียดซึ่งจำเป็นต้องมีการปรับขนาด ไฟล์เวกเตอร์นั้นต่างจากไฟล์ราสเตอร์ที่สร้างขึ้นจากพิกเซล โดยไฟล์เวกเตอร์จะไม่สูญเสียความละเอียดเมื่อปรับขนาดเพราะไฟล์เวกเตอร์นั้นสร้างขึ้นจากสูตรคณิตศาสตร์คล้ายกราฟที่ซับซ้อนซึ่งสามารถขยายออกไปได้อย่างไม่มีที่สิ้นสุด เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับความแตกต่างระหว่างราสเตอร์และเวกเตอร์

https://main--cc--adobecom.hlx.page/cc-shared/fragments/seo-articles/do-more-photoshop-color-blade

https://main--cc--adobecom.hlx.page/cc-shared/fragments/discovery-hub/products-photoshop-segment-blade