https://main--cc--adobecom.hlx.page/cc-shared/fragments/merch/products/substance3d/sticky-banner/default

ทำความเข้าใจกับ UV Mapping

UV Mapping และการสร้างพื้นผิวจะคอยกำหนดรูปลักษณ์ภายนอกของโมเดล กระบวนการนี้เกี่ยวกับการสร้าง Map ซึ่งกำหนดพิกัดที่เฉพาะเจาะจง ซึ่งเรียกกันว่าพิกัด UV โดยกระบวนการนี้จะกำหนดพิกัดดังกล่าวไปยังทุกจุดบนพื้นผิวของโมเดล พิกัดเหล่านี้กำกับว่าจะปรับใช้พื้นผิวและรูปภาพกับโมเดลอย่างไร ช่วยให้มั่นใจได้ว่าจะสามารถแรปรอบโมเดลได้อย่างไร้รอยต่อและแม่นยำ ทำให้โมเดลดูมีความเหมือนจริงด้วยสไตล์ ความสมจริง และภาพที่มีรายละเอียดสูง

UV Mapping ทำงานอย่างไร

UV Mapping คือตัวเชื่อมที่สำคัญระหว่างโมเดล 3 มิติของคุณกับความดึงดูดของภาพโมเดล ลองนึกภาพ UV Map เป็นผืนผ้าใบ: เราจะนำส่วนโค้งและพื้นผิวที่ซับซ้อนจากโมเดลของคุณมาคลี่ออกเป็นผืนระนาบ 2 มิติ ถ้าทำออกมาดี Map ของเราจะมีความแม่นยำได้มากที่สุด โดยการกำหนดพิกัดที่ไม่ซ้ำกันไปยังแต่ละจุดบนพื้นผิวของโมเดลคุณ

การกำหนดพิกัด: การอันแรป UV ซึ่งสามารถดำเนินการได้โดยอัตโนมัติในบางซอฟต์แวร์ หรือดำเนินการด้วยตนเอง คือกระบวนการในการวางพื้นผิวของโมเดลคุณที่คลี่ออกลงบนผืนระนาบ 2 มิติ

การใส่พื้นผิว: เมื่อมีการสร้าง UV Map ขึ้น จะมีการวางตำแหน่งพื้นผิวหรือรูปภาพและนำไปปรับใช้กับโมเดลที่แสดงในรูปแบบ 2 มิติ หากดำเนินการอย่างถูกต้อง พิกัด UV จะกำกับลักษณะการแรปพื้นผิวรอบผิวภายนอกได้อย่างแม่นยำ ช่วยให้มั่นใจได้ว่าภาพจะออกมาอย่างไร้รอยต่อที่สุด

• การปรับแต่ง: การปรับแต่งโดยละเอียดมักมีความจำเป็นเพื่อให้มั่นใจได้ว่าจะหลงเหลือรอยต่ออยู่น้อยที่สุด และหากจำเป็นจริงๆ รอยต่อจะวางอยู่ในตำแหน่งที่มองไม่เห็นหรือสังเกตเห็นได้น้อยที่สุด คุณสามารถยืด หมุน และปรับขนาดส่วนต่างๆ ใน Map ได้ เพื่อให้ได้ความละเอียดและขนาดที่เหมาะสม

ประเภทของพื้นผิว UV Map

คำศัพท์ 5 คำเกี่ยวกับ UV Mapping ที่พบได้บ่อยมีดังนี้

1. UV Mapping แบบอัตโนมัติ

อย่างที่เราได้กล่าวไว้ ซอฟต์แวร์ 3 มิติบางส่วนจะทำการอันแรปวัตถุ 3 มิติให้คุณโดยอัตโนมัติ แม้ว่าวิธีนี้จะช่วยประหยัดเวลาได้อย่างดีเยี่ยม แต่ศิลปินจำนวนมากใช้วิธีนี้เฉพาะในตอนที่กำลังเริ่มต้นเท่านั้น บ่อยครั้งที่เราจำเป็นต้องปรับแต่ง UV Map ด้วยตนเองเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดและทำให้การสร้างและปรับแต่งพื้นผิวไปยัง Map เป็นไปได้โดยงายที่สุด

2. UV Mapping แบบระนาบ

เทคนิคนี้เกี่ยวกับการอันแรประนาบ 3 มิติตามแกนหรือทิศทางเดียว จากนั้นจึงฉายภาพมุมของโมเดลไปยังระนาบแบน วิธีการนี้ใช้ได้ผลดีที่สุดกับวัตถุที่มีลักษณะแบน เช่น กำแพง พื้น หรือรูปทรงเรขาคณิตเบื้องต้น

3. UV Mapping แบบทรงกลม

เป็นไปตามชื่อ โดย UV Mapping แบบทรงกลมคือเทคนิคการฉายภาพพื้นผิวของวัตถุ 3 มิติลงบนวัตถุทรงกลมด้วยวิธีที่ลดความผิดเพี้ยนให้เหลือน้อยที่สุดและรักษาความโค้งไว้ วิธีการนี้มีประสิทธิภาพสำหรับวัตถุทรงกลม เช่น ลูกโลก ศีรษะ หรือดาวเคราะห์

4. UV Mapping ที่ผู้ใช้กำหนดเอง

UV Mapping ที่ผู้ใช้กำหนดเองหมายถึงกระบวนการในการกำหนดหรือสร้างพิกัดพื้นผิวแบบกำหนดเองสำหรับมุมต่างๆ ของโมเดล 3 มิติด้วยตนเอง ศิลปินและนักออกแบบมักเลือกที่จะทำงานเหล่านี้ด้วยตนเองเพื่อให้มั่นใจว่าพื้นผิวจะวางตำแหน่งได้อย่างสมบูรณ์แบบ เพื่อไม่ให้เกิดการผิดเพี้ยนและได้รับผลลัพธ์ที่แม่นยำ

5. เอฟเฟกต์พื้นผิวของ UV Map

เมื่อพูดถึงการสร้างพื้นผิวของโมเดล 3 มิติแล้ว Map อย่างเดียวมักไม่เพียงพอ โดยส่วนใหญ่แล้วเราจำเป็นต้องใช้เอฟเฟกต์พิเศษหลากหลายรูปแบบเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ออกมาดีที่สุด ตัวอย่าง Map พื้นผิวที่พบได้บ่อยซึ่งศิลปินมักนำมาใช้ร่วมกันเพื่อสร้างโมเดลที่มีรายละเอียดพื้นผิวในขั้นสุดท้ายมีดังนี้

Diffuse Map

Diffuse Map จะมอบสีพื้นฐานให้กับโมเดลของคุณ Map ชนิดนี้ยังนำไปใช้ในซอฟต์แวร์ 3 มิติของคุณเพื่อกำหนดระดับแสงที่สะท้อนเมื่อมีการตั้งค่า ซึ่งส่งผลต่อความสมจริงโดยรวมของแสงในฉากด้วย

Albedo Map

พื้นผิวเหล่านี้มีความคล้ายคลึงกับ Diffuse Map และมักนำมาใช้แทน Diffuse Map ในบางซอฟต์แวร์ ความแตกต่างหลักคือ Albedo Map จะไม่แสดงเงาหรือแสงจ้า โดย Albedo Map จะกำหนดสีพื้นของวัตถุภายใต้สภาพแสงโทนกลาง

Specular Map

พื้นผิว Specular Map จะกำหนดความเข้มและตำแหน่งของการสะท้อนแสงจัดจ้า ส่วนสว่างจัดจ้าคือการสะท้อนแสงจ้าที่ปรากฏบนพื้นผิวเมื่อแหล่งกำเนิดแสงสะท้อนแสงจากพื้นผิวโดยตรง Map เหล่านี้จึงช่วยควบคุมความแรง สี ความหยาบ และความเรียบของแสงที่สะท้อนบนพื้นผิว

Ambient Occlusion (AO) Map

Ambient Occlusion Map คือพื้นผิวพิเศษที่จำลองเงาบนพื้นที่ด้านเว้าของโมเดล นี่เป็นวิธีที่ใช้ต้นทุนต่ำในการเพิ่มความสมจริงให้กับวัตถุ 3 มิติโดยไม่ต้องใส่รายละเอียดเพิ่มเติมไปยังลักษณะทางเรขาคณิตของตัววัตถุ

Normal Map

Normal Map คือรูปภาพ RGB ที่ใช้เพื่อบิดรูปภาพตามแนวแกน 3 จุด ช่วยให้พื้นผิวมีรูปลักษณ์ที่ดูมีความลึกและมีความสมจริงเพิ่มขึ้นโดยไม่เพิ่มความซับซ้อนของลักษณะทางเรขาคณิตของวัตถุ

applying UV map textures to a 3D model of a dragon using Adobe Substance 3D Painter
รูปภาพโดย Damien Guimoneau

UV Mapping ทำอะไรได้บ้าง

หากใช้ UV Map หลายอย่างร่วมกัน คุณจะสามารถสร้างโมเดล 3 มิติที่ดีกว่าเดิมและสมจริงยิ่งขึ้น ซึ่งช่วยให้คุณมีการควบคุมทางความคิดสร้างสรรค์มากขึ้นในฐานะศิลปินเพื่อเพิ่มรายละเอียดที่ซับซ้อนให้กับฉากของคุณ คุณสามารถสร้างพื้นผิวให้ดูเรียบง่ายและมีสไตล์ หรือให้ดูสมจริงได้ตามต้องการ ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มรอยขีดข่วน โลโก้ คราบสกปรก หรือการสะท้อน UV Mapping คือเรื่องพื้นฐานสำหรับการสร้างพื้นผิวและโมเดล 3 มิติ การใช้เทคนิค UV Mapping ให้เกิดความชำนาญนอกจากจะช่วยให้คุณมีอิสระทางความคิดสร้างสรรค์มากขึ้นแล้ว ยังช่วยให้คุณทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผลด้วยเช่นกัน

สร้าง UV Map ที่สวยงามด้วย Adobe Substance 3D Painter

เมื่อใช้ Adobe Substance 3D Painter คุณจะมีตัวเลือกในการใช้การอันแรป UV แบบอัตโนมัติได้ในขณะที่นำเข้าโมเดล 3 มิติ Painter จะสร้างกลุ่มก้อน UV ให้คุณ ช่วยให้คุณลงสีโมเดล 3 มิติได้แม้ว่าโมเดลจะไม่มี UV อยู่ก่อน Painter คือโซลูชันที่ทรงประสิทธิภาพและยืดหยุ่นซึ่งช่วยให้คุณลงสีได้ด้วยแปรงพาราเมตริก ปรับใช้วัสดุอัจฉริยะ และสร้างวัสดุได้เองเพื่อสร้างพื้นผิวที่น่าทึ่งให้กับโมเดลของคุณ

คำถามที่พบบ่อย

เหตุใดจึงเรียกว่า UV MAPPING

ชื่อ UV Mapping มีที่มาจากระบบพิกัดที่ใช้เพื่อปรับใช้พื้นผิว 2 มิติกับโมเดล 3 มิติ ตัวอักษร U และ V สื่อถึงพิกัดสองตำแหน่งที่ใช้ในการเขียนพื้นผิว แม้ว่าเราจะใช้พิกัด X, Y, Z กับพื้นที่ 3 มิติ แต่หากเป็นพื้นผิวธรรมดาแล้ว เราจะใช้พิกัดเพียงแค่ 2 ตำแหน่ง เราเรียกแกนเหล่านี้ว่า U และ V

UV MAP มีการจัดเก็บข้อมูลอย่างไร

UV Map จัดเก็บข้อมูลพิกัดที่เกี่ยวข้องกับมุมแบบเฉพาะของโมเดล 3 มิติที่มีตำแหน่งที่สอดคล้องกันกับพื้นผิว 2 มิติ ข้อมูลนี้มีการจัดเก็บในหลากหลายรูปแบบ ขึ้นอยู่กับซอฟต์แวร์และประเภทไฟล์ที่ใช้ในการส่งออกโมเดล 3 มิติ รูปแบบไฟล์ตาข่ายอย่าง OBJ และ FBX สามารถจัดเก็บข้อมูล UV Mapping ควบคู่กับลักษณะทางเรขาคณิตของตาข่าย มีอยู่บ่อยครั้งที่เรานำพื้นผิวที่ใช้ใน UV Map มาจัดเก็บอย่างเรียบง่ายในรูปแบบของไฟล์รูปภาพ แม้ว่าไฟล์รูปภาพเหล่านี้จะไม่มีข้อมูลพิกัดอยู่ แต่ก็แมปไฟล์ไปยังโมเดล 3 มิติได้โดยใช้พิกัด UV จะมีการนำข้อมูล UV มาใช้อ้างอิงเมื่อทำการปรับใช้พื้นผิว

ฉันจะกำจัด UV Mapping ได้อย่างไร

สำหรับไปป์ไลน์โดยส่วนใหญ่แล้ว UV Mapping คือแง่มุมที่มีความสำคัญของไปป์ไลน์การสร้างโมเดล 3 มิติ อย่างไรก็ตาม ในขณะที่เทคโนโลยีมีความก้าวหน้าขึ้น ความสามารถในการจัดการกับงานที่ยุ่งยากหรือซับซ้อนให้เป็นไปโดยอัตโนมัติก็มีการพัฒนาขึ้นเช่นกัน เรามองหาหนทางในการแบ่งเบาภาระของเหล่าครีเอเตอร์อยู่เสมอ ซึ่งแอป Adobe Substance 3D ช่วยให้คุณมุ่งเน้นไปที่กระบวนการที่คุณชื่นชอบ โดยปล่อยให้ซอฟต์แวร์จัดการกับงานต่างๆ แบบอัตโนมัติอยู่ในพื้นหลัง ดังนั้นแล้ว แม้ว่าการสร้างพื้นผิวโมเดล 3 มิติจะยังจำเป็นต้องใช้ UV Mapping อยู่ แต่คุณก็ยังมีโอกาสหลีกเลี่ยงกระบวนการนี้โดยสิ้นเชิงได้

https://main--cc--adobecom.hlx.page/cc-shared/fragments/products/substance3d/bottom-blade-cta-s3d-collection