Generative AI สำหรับชิ้นงานสร้างสรรค์
ความแตกต่างของ Adobe Firefly เมื่อเทียบกับ Midjourney: Firefly จะช่วยเร่งเวิร์กโฟลว์การสร้างสรรค์ผลงานได้อย่างไร
เรียนรู้วิธีที่ความก้าวหน้าล่าสุดของ Generative AI จะช่วยคุณในการถ่ายทอดแนวคิดเป็นรูปภาพด้วยผลงานสร้างสรรค์จาก AI
อะไรทำให้ Adobe Firefly แตกต่าง
- ทุกคนสามารถสร้างสรรค์งานศิลปะที่น่าทึ่งได้ด้วยอินเทอร์เฟซที่เรียบง่าย ทั้งยังสามารถนำผลงานสร้างสรรค์นี้เข้าสู่แอปของ Adobe เพื่อแก้ไขหรือต่อยอดได้
- Adobe Firefly ใช้โมเดล Generative AI ที่เป็นไปตามหลักการทางจริยธรรม AI ของ Adobe ว่าด้วยภาระความพร้อมรับผิด ความรับผิดชอบ และความโปร่งใส
- คุณจึงนำไปใช้ได้อย่างไม่ต้องกังวล เนื่องจากรูปภาพจาก AI ที่คุณกำลังสร้างนั้นใช้ข้อมูลที่อิงมาจาก Adobe Stock, เนื้อหาแบบไม่จำกัดสิทธิ์การใช้งาน และเนื้อหาที่เป็นสมบัติสาธารณะซึ่งลิขสิทธิ์หมดอายุแล้ว
Generative AI คืออะไร
Generative AI คือเทคโนโลยีที่น่าตื่นตาตื่นใจสำหรับทุกคนที่รักในการจินตนาการและทดลองทำเกี่ยวกับงานศิลปะ การออกแบบผลิตภัณฑ์ การจัดรูปแบบข้อความและโลโก้ตัวอักษรที่ไม่เหมือนใคร และอีกมากมาย เทคโนโลยีดังกล่าวเป็นปัญญาประดิษฐ์รูปแบบหนึ่งที่ใช้โมเดลภาษาขนาดใหญ่ในการแปลงถ้อยคำธรรมดาๆ และอินพุตรูปแบบอื่นๆ ให้ออกมาเป็นผลงานจาก AI ที่น่าทึ่ง โดยคำแต่ละคำในข้อความคำสั่ง เช่น “ดอกไม้ที่เติบโตในสุสานรถ” เป็นคำสั่งที่จะบอกโมเดล Generative AI ว่าต้องค้นหาและผสมผสานรูปภาพใดให้กลายเป็นรูปภาพที่สวยงาม
คุณสามารถหาแรงบันดาลใจได้จากทุกวิธีที่ Generative AI สามารถจุดประกายความคิดสร้างสรรค์ได้ ซึ่งมีตั้งแต่ข้อความ 3 มิติที่สร้างจากขนมอบไปจนถึงคอนเซ็ปต์อาร์ตของนิยายวิทยาศาสตร์
Adobe Firefly แตกต่างจาก Midjourney อย่างไร
Adobe Firefly เป็นกลุ่มโมเดล Generative AI สำหรับงานสร้างสรรค์ของผลิตภัณฑ์ Adobe ในขั้นต้น Adobe Firefly จะมุ่งเน้นไปที่การสร้างรูปภาพและเอฟเฟกต์ข้อความโดยใช้ไลบรารีของรูปภาพที่ไม่จำกัดสิทธิ์การใช้งาน และเนื้อหาที่เป็นสมบัติสาธารณะซึ่งลิขสิทธิ์หมดอายุแล้วเพื่อเปลี่ยนคำอธิบายที่เป็นข้อความให้กลายเป็นผลงานสร้างสรรค์จาก AI Firefly สามารถสร้างรูปภาพที่สวยสดงดงามจากบาธบอมบ์ได้เพียงระบุวลีเชิงอธิบายเพียงสองสามวลี Firefly หรือเพิ่มรูปภาพไปยังข้อความและทำให้ชื่อแบรนด์กลายเป็นงานออกแบบในลักษณะหญ้าเขียวชอุ่มที่สวยงาม
ขณะที่เครื่องมือ Generative AI ส่วนใหญ่จะมุ่งเน้นไปที่ฟังก์ชันการใช้งานเพียงฟังก์ชันเดียว แต่ Adobe Firefly นั้นมีเครื่องมือที่หลากหลาย ผู้ใช้ Firefly จะสามารถลบสิ่งรบกวนสายตาออกจากภาพถ่าย เปลี่ยนโทนอารมณ์ของวิดีโอ เพิ่มองค์ประกอบใหม่ๆ ให้กับภาพประกอบ ทดสอบตัวเลือกการออกแบบ เพิ่มพื้นผิวให้วัตถุ 3 มิติ และสร้างประสบการณ์ดิจิทัลได้ แผนปัจจุบันสำหรับ Firefly ประกอบด้วยการผสานการทำงานเข้ากับเวิร์กโฟลว์ของ Adobe ซึ่งจะช่วยให้คุณสามารถย้ายเนื้อหาที่สร้างขึ้นด้วย AI ไปยังเครื่องมือของ Creative Cloud อย่าง Adobe Illustrator และ Photoshop ได้
ฟังก์ชันการทำงานเพิ่มเติมที่มาพร้อมการแก้ไขได้แนบเนียนแบบครบวงจรนี้ทำให้ Firefly แตกต่างจากแพลตฟอร์มอื่นๆ อย่าง Midjourney, DALL·E และ Stable Diffusion
คำสั่งสร้างรูปภาพจากข้อความ: ผึ้งตัวหนึ่งกำลังเกาะอยู่บนดอกรักเร่ใต้แสงจันทร์
Firefly คำนึงถึงชุมชนชิ้นงานสร้างสรรค์ของ Adobe เป็นอันดับแรกอย่างไร
การสร้างโมเดล Generative AI ที่สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของ Adobe ซึ่งคำนึงถึงครีเตอร์เป็นหลักนั้นเป็นสิ่งสำคัญสำหรับเรา
และเพื่อให้เป็นไปตามความมุ่งมั่นนั้น Firefly รุ่นแรกจึงได้รับการเทรนโดยใช้รูปภาพของ Adobe Stock ตามข้อตกลงสิทธิ์การใช้งานกับเจ้าของผลงานใน Stock, เนื้อหาแบบไม่จำกัดสิทธิ์การใช้งาน และเนื้อหาที่เป็นสมบัติสาธารณะซึ่งลิขสิทธิ์หมดอายุแล้ว เป้าหมายของการเทรน Firefly ในลักษณะนี้คือเพื่อหลีกเลี่ยงการสร้างสิ่งใดก็ตามที่ละเมิดลิขสิทธิ์ของศิลปิน ช่างภาพ และครีเอเตอร์ผู้ทำงานอย่างหนัก กล่าวโดยสรุปคือ ทุกสิ่งทุกอย่างที่สร้างขึ้นใน Firefly นั้นได้รับการออกแบบให้นำไปใช้ในเชิงพาณิชย์ได้อย่างปลอดภัยสำหรับทั้งบุคคลทั่วไปและทีมสร้างสรรค์ขององค์กร
คุณสามารถอ่านข้อมูลเกี่ยวกับโมเดลการจ่ายค่าตอบแทนให้เจ้าของผลงานใน Adobe Stock ที่อยู่ในชุดข้อมูลสำหรับเทรนโมเดล Firefly ของเราได้ โมเดล Firefly ไม่ได้ผ่านการเทรนโดยใช้เนื้อหาส่วนบุคคลของลูกค้า Adobe Creative Cloud
Adobe กำลังสร้าง Firefly ร่วมกับชุมชนผู้สร้างสรรค์ผลงานโดยคำนึงถึงคนกลุ่มนี้เพื่อพัฒนาและส่งเสริมงานสร้างสรรค์สำหรับมืออาชีพและมือสมัครเล่น โดยการพัฒนาโมเดลการจ่ายค่าตอบแทนให้กับครีเอเตอร์และการสนับสนุนมาตรฐานแบบไม่จำกัดสิทธิ์
คุณสามารถใช้ Adobe Firefly ในงานของคุณได้อย่างไร
หากคุณเคยอยากรู้ว่าไอเดียสุดแหวกแนวของคุณจะมีลักษณะเป็นอย่างไรโดยไม่ต้องเสียเวลาหลายนาทีหรือหลายชั่วโมงในการจำลองภาพเหล่านั้นขึ้นมา Adobe Firefly นี่แหละที่เป็นเครื่องมือสร้างรูปภาพและภาพถ่ายที่เหมาะกับคุณ Adobe Firefly คือตัวเลือกสุดสมบูรณ์แบบที่ช่วยให้คุณประดิษฐ์และถ่ายทอดแนวคิดสุดสร้างสรรค์ซึ่งจะช่วยประหยัดเวลาในทุกๆ ครั้งที่ต้องสร้างภาพและปรับปรุงกระบวนการสร้างสรรค์ได้
ไม่ว่าคุณจะเป็นนักออกแบบมืออาชีพ เจ้าของธุรกิจขนาดย่อม หรือเป็นเพียงคนที่อยากรู้อยากเห็น การระบุข้อความคำสั่งลงใน Adobe Firefly จะช่วยให้คุณเปลี่ยนภาพที่คิดให้กลายเป็นภาพจริงได้ ไม่ว่าจะเป็นบ้านในฝันบนชายหาดสำหรับโบรชัวร์อสังหาริมทรัพย์หรือคอนเซ็ปต์อาร์ตขั้นต้นของสัตว์ประหลาดน่ารักๆ สำหรับหนังสือเด็กก็ตาม
คำสั่งสร้างรูปภาพจากข้อความ: ห้องที่ทันสมัยในนิวยอร์กซิตีที่มาพร้อมกับหน้าต่างบานใหญ่ ชั้นวางหนังสือไม้แบบบิวท์อินที่มีหนังสือหลากสีสัน โซฟาหนังสีเขียวและไม้โอ๊ค พื้นปูไม้โอ๊คแท้ ในรูปแบบของรูปภาพต้นฉบับสำหรับบทความที่ถ่ายด้วยเลนส์ 45 มม.
การใช้งาน Adobe Firefly
วิธีใช้งาน Adobe Firefly ที่น่าสนใจมีดังต่อไปนี้
- การออกแบบแนวคิดสำหรับรูปลักษณ์ของนิยายวิทยาศาสตร์หรือโลกแฟนตาซี
- การสำรวจสไตล์และพื้นผิวบนโลโก้ตัวอักษรของธุรกิจ
- การสร้างภาพภูมิทัศน์โดยรอบที่เงียบสงบ
- การดูว่าสไตล์ที่ไม่เหมือนใครจะสามารถเปลี่ยนรูปภาพเหมือนจริงราวกับภาพถ่ายที่สร้างขึ้นใน Firefly ตั้งแต่ภาพบุคคลไปจนถึงภาพถ่ายธรรมชาติได้อย่างไร
- การสร้างการพิสูจน์แนวคิดสำหรับกราฟิกบนเว็บไซต์
- การทดสอบวิธีใหม่ๆ ที่จะเพิ่มความโดดเด่นให้กับภาพถ่ายสินค้า ภาพถ่ายอาหาร และอีกมากมาย
คำสั่งสร้างรูปภาพจากข้อความ: รถยนต์ที่กำลังขับไปบนดาวอังคาร
วิธีใช้ Adobe Firefly ในการสร้างงานศิลปะจาก AI
วิธีการปรับแต่งผลลัพธ์ของงานศิลปะจาก AI ใน Adobe Firefly
ปรับแต่งข้อความของคุณ
เลือกสรรประเภทเนื้อหา
ปรับแต่งสไตล์ สี แสง และองค์ประกอบ
มีตัวเลือกต่างๆ มากมายที่คุณสามารถนำมาใช้เพื่อเพิ่มลูกเล่นให้กับรูปภาพศิลปะที่ Firefly สร้างขึ้นได้ ในเมนู Styles คุณสามารถเลือกได้ว่าต้องการรูปแบบศิลปะในยุคสมัยใด เช่น สไตล์บาศกนิยมหรือไซเบอร์พังก์ โดยสามารถเลือกได้ตั้งแต่ธีมที่เลียนแบบทุกอย่างตั้งแต่ภาพถ่ายผลิตภัณฑ์ไปจนถึงคอนเซ็ปต์อาร์ต คุณยังสามารถเลือกได้แม้กระทั่งวัสดุอย่างเส้นด้ายหรือโลหะเพื่อปรับแต่งพื้นผิวของรูปภาพ อีกทั้งยังสามารถผสมผสานสไตล์ต่างๆ เหล่านี้เข้าด้วยกันเพื่อปรับแต่งผลลัพธ์เพิ่มเติมได้อีกด้วย
นอกจากนี้ คุณยังสามารถปรับแต่งสีและโทนของรูปภาพที่สร้างขึ้นให้เป็นโทนอุ่นหรือมีสีสันสดใสได้ รวมทั้งสามารถเลือกแสงรูปแบบแสงน้อยหรือแสงสำหรับภาพถ่ายย้อนแสง หรือจะปรับแต่งองค์ประกอบของรูปภาพให้เป็นภาพระยะใกล้หรือมีมุมมองที่กว้างขึ้นก็ได้เช่นกัน การผสมผสานการปรับแต่งต่างๆ เข้าด้วยกันจะทำให้คุณสามารถสร้างผลงานใน Firefly ได้อย่างไร้ขีดจำกัด
สร้างเอฟเฟกต์ข้อความใน Adobe Firefly
ในฟีเจอร์ Text Effect ของ Firefly คุณสามารถเพิ่มรูปภาพตกแต่งไปยังข้อความได้ ลองใช้คำสั่งตัวอย่าง หรือป้อนคำหรือวลีที่คุณต้องการเพื่อให้ Firefly ดำเนินการ โดย Firefly จะสร้างชื่อแบรนด์ของคุณในเวอร์ชันต่างๆ เช่น เวอร์ชันที่สร้างมาจากขอนไม้ หรือทองคำเหลว คุณสามารถลองใช้เอฟเฟกต์ตัวอย่าง แบบอักษร และสีอื่นๆ เพื่อสำรวจดูการจัดรูปแบบทั้งหมดก่อนที่จะเลือกแนวคิดที่คุณชื่นชอบ
วิธีที่ดีที่สุดในการเรียนรู้สิ่งที่ Firefly สามารถทำได้คือทดลองใช้งาน สำรวจว่า Firefly ช่วยคุณสร้างสรรค์อะไรได้บ้าง
คุณอาจสนใจสิ่งเหล่านี้ด้วย