#F5F5F5
วิธีใช้ Generative AI ในการทำงานด้านศิลปะ
สร้างสรรค์รูปภาพใหม่ๆ ปรับแต่งรูปภาพที่มีอยู่ก่อนหน้า ฝึกฝนภาพวาดทางเทคนิค ภาพกราฟิกแบรนด์ คอนเซ็ปต์อาร์ต และอื่นๆ อีกมากมาย เรียนรู้วิธีใช้ Generative AI เป็นเครื่องมือระดมความคิดและเครื่องมือแก้ไขโดยละเอียด รวมถึงสำรวจวิธีที่ AI กำลังพลิกโฉมโลกศิลปะ
เริ่มสร้างงานศิลปะจาก AI
หากพร้อมที่จะเริ่มต้นทดลองใช้ Generative AI ในการใช้งานด้านศิลปะของคุณแล้ว ก็เริ่มต้นใช้งานได้อย่างง่ายดาย คุณสามารถใช้ Adobe Firefly กับโปรเจกต์ทุกประเภทตั้งแต่การสร้างรูปภาพใหม่ การแก้ไขรูปภาพที่มีอยู่ก่อนหน้า การสร้างเอฟเฟกต์ข้อความ การเปลี่ยนสีงานศิลปะ และอีกมากมาย ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับวิธีสร้างงานศิลปะจาก AI และขัดเกลาผลงานของคุณ จากนั้นอ่านต่อเพื่อเรียนรู้เกี่ยวกับกรณีการใช้งานสำคัญสำหรับ Generative AI ในงานศิลปะเชิงสร้างสรรค์
ทำความรู้จักกับโลกของงานศิลปะ Generative AI ที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่อง
งานศิลปะ Generative AI มีหลายรูปแบบ และยังมีกรณีการใช้งานอีกมากมายตั้งแต่ภูมิทัศน์แห่งอนาคตที่ได้รับการสร้างสรรค์เป็นชิ้นงานจริงอย่างน่าอัศจรรย์ไปจนถึงงานออกแบบทางสถาปัตยกรรมที่มีความพิถีพิถัน งานศิลปะจาก AI มีบทบาทอยู่ในการใช้งานเชิงสร้างสรรค์เกือบทุกประเภท ตั้งแต่การระดมความคิดไปจนถึงการสร้างสรรค์ผลงานศิลปะของจริงที่สมบูรณ์ แต่การอธิบายว่างานศิลปะจาก AI เป็นเพียงผลลัพธ์นั้นก็อาจจะไม่ถูกเสียทีเดียว เนื่องจากงานศิลปะจาก AI เป็นกระบวนการสร้างสรรค์ที่ซับซ้อนที่ต้องใช้การผสมผสานระหว่างเทคโนโลยีและจินตนาการของมนุษย์ที่เป็นเอกลักษณ์เข้าด้วยกัน
ก่อนที่จะลงรายละเอียดในการสร้างโปรเจกต์ต่างๆ คุณควรมีความเข้าใจในระดับพื้นฐานเกี่ยวกับลักษณะการทำงานของงานศิลปะจาก AI งานศิลปะจาก AI เริ่มต้นจากข้อมูลที่คุณป้อน โดยอาจเป็นข้อความคำสั่งที่เขียนขึ้นซึ่งอธิบายเนื้อหาที่คุณต้องการเห็นหรือสื่ออื่นๆ เช่น รูปภาพ
จากนั้นเทคโนโลยี Generative AI จะใช้คำอธิบายดังกล่าวเพื่อสร้างเนื้อหาใหม่จากรูปแบบในชุดข้อมูลขนาดใหญ่ ตัวอย่างเช่น คุณสามารถใช้เครื่องมือสร้างงานศิลปะด้วย AI อย่าง Adobe Firefly เพื่อสร้างสรรค์รูปภาพใหม่ๆ เอฟเฟกต์ข้อความ จานสี และอื่นๆ อีกมากมายโดยใช้เพียงคำง่ายๆ ไม่กี่คำ
โลกของ Generative AI นั้นน่าตื่นตาตื่นใจและกำลังพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ดูข้อมูลเพิ่มเติมว่างานศิลปะจาก AI คืออะไรและวิธีสร้างงานศิลปะจาก AI
ข้อความคำสั่ง: ภาพทิวทัศน์ของเมืองจากอนาคตที่อาคารต่างๆ เป็นพืชมีชีวิต และมีรถกระจกบินได้ ทิวทัศน์จากที่สูงมากๆ
AI พลิกโฉมงานศิลปะอย่างไร
เมื่อใดก็ตามที่การสร้างสรรค์รูปแบบใหม่เข้ามาพลิกโฉมวิธีที่ผู้คนสร้างงานศิลปะ ไม่ว่าจะเป็นแท่นพิมพ์หรือการสร้างสรรค์ในรูปแบบดิจิทัล (เช่น การวาดภาพและระบายสีบนแท็บเล็ต) โลกศิลปะก็จะเริ่มต้นวงจรของการตรวจสอบ การทดลอง และการค้นพบใหม่ แม้ว่าเครื่องมืออาจมีการเปลี่ยนแปลง แต่ความคิดสร้างสรรค์และความตั้งใจของศิลปินถือเป็นสินทรัพย์ที่สำคัญที่สุด เมื่อคุณสำรวจดูกรณีการใช้งานที่ดีที่สุดสำหรับงานศิลปะจาก AI คุณควรทำความเข้าใจว่าศิลปินคนอื่นๆ ใช้สื่อรูปแบบใหม่ที่ปฏิวัติวงการนี้อย่างไร งานศิลปะที่สร้างขึ้นด้วยเทคโนโลยี Generative AI ได้ปรากฏที่พิพิธภัณฑ์สำคัญๆ เช่น พิพิธภัณฑ์ Museum of Modern Art ในนิวยอร์ก ได้รับการประมูลที่บริษัท Sotheby's และกลายเป็นจุดสนใจของการแสดงแกลเลอรีทั่วโลก
เหล่าศิลปินใช้ Generative AI เพื่อรีมิกซ์งานศิลปะของตนและจัดแสดงงานศิลปะดังกล่าวในรูปแบบใหม่ๆ (ที่อาจไม่เหลือเค้าโครงเดิม) ในฐานะตัวช่วยสร้างงานศิลปะเคียงข้างศิลปิน ตลอดจนเพื่อสำรวจธีมเกี่ยวกับเทคโนโลยีและธรรมชาติของการสร้างสรรค์งานศิลปะ
ใครก็ตามที่ต้องการลองสร้างงานศิลปะจาก AI สามารถใช้เครื่องมือที่เข้าถึงได้ง่ายเช่น Adobe Firefly เพื่อฝึกฝนทักษะและสร้างสรรค์ผลงานซึ่งแสดงให้เห็นถึงตัวตนของตนเองอย่างแท้จริง
Generative AI ขยายกรอบความคิดสร้างสรรค์อย่างไร
เทคโนโลยีใหม่เป็นการเชิญชวนให้ผู้คนคิดทบทวนถึงวิธีที่มนุษย์สร้างงานศิลปะ ตัวอย่างเช่น Generative AI เป็นเครื่องมือที่ทรงประสิทธิภาพสำหรับการสำรวจสิ่งต่างๆ รวมถึงเป็นวิธีเพื่อให้บรรลุเป้าหมาย ศิลปินหลายรายใช้ Generative AI เพื่อเพิ่มขีดจำกัดในการสร้างสรรค์และแก้ไขงานศิลปะให้ออกมาในรูปแบบที่เหนือความคาดหมาย ตัวอย่างเช่น ศิลปินอาจพูดคุยกับแชทบอท Generative AI เกี่ยวกับการสร้างงานศิลปะเพื่อจุดประกายไอเดียใหม่ๆ ผู้คนมักเข้าใจผิดว่างานศิลปะ Generative AI นั้นเรียบง่าย ง่ายดาย และสร้างขึ้นได้อย่างรวดเร็วอยู่เสมอ ศิลปินหลายรายใช้เวลามากมายไปกับการคำนึงถึงผลกระทบของงานศิลปะที่สร้างขึ้นด้วย AI, การทดลองกับเทคโนโลยี รวมถึงการฝึกฝนชุดทักษะเฉพาะเพื่อสร้างผลลัพธ์ที่ต้องใช้เวลาหลายชั่วโมงในการฝึกฝนและกลั่นกรองความคิด
เทคนิคเหล่านี้เป็นเทคนิคที่ทุกคนสามารถนำไปใช้กับแนวทางการสร้างงานศิลปะของตน หรือแม้แต่ใช้เพื่อฉีกกรอบความสร้างสรรค์แบบเดิมๆ ได้ คิดว่า AI เชิงสร้างสรรค์เป็นตัวช่วยที่ช่วยให้คุณสามารถสำรวจไอเดียใหม่ๆ และตรวจสอบการสร้างงานศิลปะของคุณจากมุมมองใหม่ หากคุณมองว่า Generative AI เป็นเครื่องมือในการสำรวจ เครื่องมือดังกล่าวก็จะสามารถเปิดประตูบานใหม่ให้คุณได้อย่างสร้างสรรค์และเปิดโอกาสให้คุณสามารถสร้างงานศิลปะในแบบของคุณที่ผู้ชมมีอารมณ์ร่วมได้
สำรวจกรณีการใช้งานศิลปะจาก AI ยอดนิยมสามอันดับ
1. กรณีการใช้งานคอนเซ็ปต์อาร์ต
ตัวละครและการสร้างโลก
การสร้างตัวละครและสภาพแวดล้อมขึ้นมาใหม่ถือเป็นรากฐานสำคัญของโปรเจกต์วิดีโอเกม แอนิเมชัน และหนังสือการ์ตูน การใช้ข้อความคำสั่งที่มีการอธิบายรายละเอียดเป็นจำนวนมากเพื่อสร้างไอเดียแรกจะช่วยให้สามารถสร้างภาษาภาพของทุกสิ่งตั้งแต่ตัวละครไปจนถึงงานศิลป์พื้นหลังและวัตถุต่างๆ
ภาพกราฟิกแบรนด์
Generative AI มีประโยชน์อย่างยิ่งสำหรับโปรเจกต์ด้านการออกแบบกราฟิก ซึ่งมักเริ่มต้นด้วยแนวคิดคร่าวๆ ของงานออกแบบที่เสร็จสมบูรณ์แล้ว นักออกแบบสามารถใช้งานศิลปะจาก AI เพื่อกำหนดแนวทางและสร้างตัวเลือกให้กับลูกค้าเมื่อทำงานเกี่ยวกับโปรเจกต์ของแบรนด์ ตัวอย่างเช่น คุณสามารถใช้ Text to Vector Graphic ใน Adobe Illustrator เพื่อสร้างแนวคิดสำหรับโลโก้หลายรูปแบบได้อย่างรวดเร็ว คุณสามารถใช้งานศิลปะ Generative AI เพื่อสร้างสตอรี่บอร์ดและการนำเสนอผลงาน รวมถึงนำมาช่วยในด้านการสร้างต้นแบบและการแสดงภาพของผลิตภัณฑ์
การออกแบบทางเทคนิค
คุณสามารถใช้งานศิลปะ Generative AI เพื่อช่วยในการสร้างแนวคิดให้กับกราฟิกสำหรับงานสถาปัตยกรรม แฟชั่น และการให้ข้อมูล ใช้ข้อความคำสั่งเชิงอธิบายเพื่อเริ่มทำโปรเจกต์ภาพประกอบแฟชั่นและผลิตภัณฑ์ หรือเพื่อทดลองความยืดหยุ่นของไอเดียใหม่ๆ เมื่อเริ่มต้นการออกแบบทางสถาปัตยกรรม หรือใช้ฟีเจอร์การสร้างรูปภาพจากข้อความเพื่อร่างองค์ประกอบภาพสำหรับอินโฟกราฟิก
2. กรณีการใช้งานตัวช่วยด้านงานสร้างสรรค์
สร้างแรงบันดาลใจและการระดมความคิด
หนึ่งในวิธีสำคัญที่ Generative AI สามารถเข้ามาให้ความช่วยเหลือในกระบวนการสร้างสรรค์ได้คือช่วยสร้างแรงบันดาลใจและทำให้ระดมความคิดได้ง่ายยิ่งขึ้น การใช้ข้อความคำสั่งเพื่อสร้างรูปภาพที่เกี่ยวข้องกับไอเดียแรกเริ่มได้อย่างรวดเร็วสามารถช่วยจุดประกายไอเดียเกี่ยวกับทุกสิ่ง ตั้งแต่สไตล์ไปจนถึงสี Generative AI สามารถใช้เพื่อสร้างรูปภาพอ้างอิงสำหรับงานศิลปะดั้งเดิม หรือเพื่อปรับปรุงงานศิลปะของคุณเองซ้ำๆ เพื่อให้คุณสามารถดูงานศิลปะดังกล่าวที่มีการนำเสนอในรูปแบบใหม่และเหนือความคาดหมายได้
ประสิทธิภาพ
ใช้ Generative AI เพื่อเปลี่ยนงานบางอย่างให้ทำเองได้โดยอัตโนมัติ จะได้มีเวลามาสร้างสรรค์งานอื่นๆ สร้างงานออกแบบแรกให้ออกมาในรูปแบบต่างๆ ได้อย่างรวดเร็วด้วยการปรับแต่งถ้อยคำเพียงไม่กี่คำในข้อความคำสั่ง แล้วใช้รูปแบบเหล่านั้นเพื่อรวบรวมเป็นงานนำเสนอสำหรับลูกค้า เพิ่มวัตถุและผู้คนให้กับแนวคิดทางสถาปัตยกรรม การออกแบบภายใน และภูมิทัศน์ สร้างพื้นหลังให้กับรูปภาพผลิตภัณฑ์ของคุณ แทนที่จะใช้เวลาไปกับการถ่ายภาพเพื่อนำมาใช้เอง
การปรับแต่งรูปภาพ
Generative AI ถือเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพในการปรับแต่งรูปภาพ เครื่องมืออย่าง Generative Fill สามารถใช้เพื่อปรับแต่งรูปภาพได้รวดเร็วอย่างมากด้วยการเพิ่มและลบเนื้อหา สร้างสรรค์เนื้อหาใหม่ตามข้อความคำสั่ง หรือจะเพียงแค่ขยายและเพิ่มเนื้อหาลงในรูปภาพที่มีอยู่อย่างกลมกลืนก็ได้ทั้งนั้น การรีทัชรูปภาพด้วย Generative AI จะเรนเดอร์กระบวนการที่ต้องดำเนินการหลายขั้นตอนให้เสร็จแทบจะทันที ทั้งยังช่วยประหยัดเวลาในการค้นหาฐานข้อมูลรูปภาพสต็อก นอกจากนี้ Generative AI ยังช่วยให้คุณสามารถทดลองได้อย่างอิสระ เช่น ใส่ลูกเล่นให้กับภาพถ่ายและดูว่าผลลัพธ์ที่ได้จะมีลักษณะอย่างไร
- กำหนดสไตล์
เพิ่มรูปแบบศิลปะอ้างอิงลงในข้อความคำสั่ง เช่น “ภาพวาดภูมิทัศน์แบบอิมเพรสชันนิสม์” หรือ “ภาพบุคคลแบบคิวบิสม์”
- อธิบายการจัดองค์ประกอบ
ใช้ข้อความอธิบายเพื่อกำหนดองค์ประกอบภาพที่ต้องการ เช่น “ภาพบุคคลแบบระยะใกล้ที่มีตัวแบบอยู่ที่พื้นที่สามส่วนด้านขวา”
- ปรับแต่งการจัดแสง
ระบุแสง เช่น “แสงที่มีค่าต่างแสงให้ความรู้สึกอลังการ” หรือ “แสงในช่วงเวลา Golden Hour ที่นุ่มนวล”
- ควบคุมรายละเอียด
ขอเปลี่ยนรายละเอียดในบริเวณต่างๆ ให้มากขึ้นหรือน้อยลงโดยใช้ข้อความคำสั่ง เช่น “เสื้อผ้าที่มีรายละเอียดประณีต, พื้นหลังที่เบลออย่างนุ่มนวล”
- สร้างจานสี
กำหนดสีโดยตรงโดยใช้คำอธิบาย เช่น “สีเขียวมะกอกและเบอร์กันดีในโทนสีอ่อนๆ” หรือตั้งชื่อให้กับจานสีเฉพาะ
- อธิบายธีม
เพิ่มธีมที่อธิบายบรรยากาศโดยรอบ เช่น “ทิวทัศน์เมืองแห่งอนาคตแนวโซลาร์พังก์” หรือ “ป่านางฟ้าสุดอัศจรรย์ใจ”
- สร้างอารมณ์และบรรยากาศ
ใช้คำอธิบายที่แสดงอารมณ์ความรู้สึก เช่น “ปลอดโปร่ง, เงียบสงบ, ชวนฝัน” หรือ “ไม่น่าวางใจ, น่าขนลุก, ชั่วร้าย”
- สร้างวัตถุและตัวละคร
ระบุการเพิ่มวัตถุ เช่น “รูปปั้น, น้ำพุ, เถาวัลย์” หรือตัวละคร เช่น “จอมเวทย์หญิงผู้ทรงพลัง”
- แก้ไขผลลัพธ์
ปรับแก้ข้อความคำสั่งเพื่อปรับแต่งผลลัพธ์โดยใช้คำสั่ง เช่น “สว่างขึ้น, แฟนตาซีมากขึ้น, รายละเอียดที่ซับซ้อน”
ข้อความคำสั่งต้นฉบับ: เห็ดลายจุดสีแดงมราเติบโตในผืนป่าที่ห้อมล้อมด้วยมอสและหญ้า
3. กรณีการใช้งานศิลปะจาก AI ในพิพิธภัณฑ์ เพลง และอื่นๆ
งานศิลปะจาก AI ในงานจัดแสดง
ปัจจุบันการพบงานศิลปะจาก AI ในพื้นที่แสดงงานศิลปะแบบดั้งเดิมถือเป็นเรื่องปกติ ศิลปินที่มีชื่อเสียงที่สุดคนหนึ่งที่ใช้งาน AI ในปัจจุบันคือ Refik Anadol ซึ่งจัดแสดงผลงานสร้างสรรค์ทั่วโลก รวมถึงในนครลอสแอนเจลิสที่ “ภาพวาดมีชีวิต” ใช้อัลกอริทึมในการแปลงชุดข้อมูลที่เปิดเผยต่อสาธารณะของภูมิทัศน์ในรัฐแคลิฟอร์เนียให้กลายเป็นงานจัดแสดงเชิงนามธรรมบนหน้าจอขนาดยักษ์ โดยผู้ชมจะได้สัมผัสกับสภาพแวดล้อมในพื้นที่ในแบบที่ไม่เหมือนใคร ในปี 2019 ศิลปิน Anna Ridler ได้สร้างสรรค์ชุดดอกทิวลิปดิจิทัลด้วยความช่วยเหลือของ AI ซึ่งดอกทิวลิปดิจิทัลจะ “ร่วงโรย” (ลบตัวเองออก) ในเวลาไม่นานหลังจากขายไป ศิลปินมัลติมีเดียอย่าง Ellie Pritts ปรับเปลี่ยนรูปภาพที่สร้างด้วย AI โดยใช้สื่อดิจิทัลแบบวินเทจเพื่อสร้างวิดีโอแนวไซคีเดลิคที่บิดเบี้ยว ศิลปะจาก AI เป็นเรื่องใหม่และน่าตื่นเต้น แต่ก็ยังช่วยให้ศิลปินเพิ่มลูกเล่นให้กับวิธีที่ผู้ชมโต้ตอบและชื่นชมงานศิลปะได้ด้วย
การฟื้นฟูงานศิลปะ
AI ช่วยให้ผู้เชี่ยวชาญด้านการฟื้นฟูงานศิลปะสามารถฟื้นฟูและชุบชีวิตให้กับผลงานชิ้นเอกที่สูญหายไปได้ ในศตวรรษที่ 18 บางส่วนของภาพวาด “The Night Watch” ของ Rembrandt ถูกตัดออกไป ในปี 2021 พิพิธภัณฑ์ Rijksmuseum ในกรุงอัมสเตอร์ดัมใช้ปัญญาประดิษฐ์เพื่อสร้างส่วนที่ขาดหายไปของภาพวาดขึ้นมาใหม่ และเปิดตัวชิ้นงานดังกล่าวในรูปแบบที่ได้รับการบูรณะอย่างสมบูรณ์ต่อสาธารณะเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 1715 การใช้ปัญญาประดิษฐ์ในการฟื้นฟูงานศิลปะเป็นเพียงจุดเริ่มต้นที่จะสำรวจเท่านั้น
ดนตรี แฟชั่น และอีกมากมาย
งานศิลปะที่สร้างด้วยความช่วยเหลือของ Generative AI ได้แพร่หลายไปตามประเภทต่างๆ ทีมนักวิทยาศาสตร์และนักดนตรีสามารถใช้ปัญญาประดิษฐ์เพื่อทำซิมโฟนีหมายเลข 10 ของ Beethoven ให้เสร็จสมบูรณ์ในปี 2021 บทความที่ได้รับความช่วยเหลือจาก AI ปรากฏในหน้านิตยสาร Harper’s Magazine และ The New Yorker ในปี 2023 นักวิทยาศาสตร์อย่าง Christine Dierk ได้เปิดตัวชุดเดรสดิจิทัลที่ผ่านการออกแบบด้วยความช่วยเหลือของ AI ที่งานประชุม Adobe MAX ประจำปี ชุดเดรสแขนกุดทรงตรงแสดงลวดลายต่างๆ ที่เปลี่ยนแปลงและเคลื่อนที่ไปมา ซึ่งเป็นการเน้นย้ำให้เห็นว่าเราสามารถนำ AI มาใช้ในโลกแฟชั่นได้อย่างไร เมื่อศักยภาพและความสามารถในการเข้าถึงของปัญญาประดิษฐ์เพิ่มขึ้น การใช้งานในสื่อสร้างสรรค์ทั้งหมดก็จะเพิ่มขึ้นเช่นกัน
นักวิทยาศาสตร์เชิงศึกษาวิจัยอย่าง Christine Dierk ได้สวมชุดเดรสแบบอินเทอร์แอคทีฟที่สร้างด้วย Adobe Firefly ขึ้นโชว์ที่งานประชุม Adobe MAX 2023
ก้าวล้ำเหนือแปรงพู่กัน: อนาคตของ Generative AI ในฐานะสื่อศิลปะรูปแบบใหม่
Generative AI เป็นสื่อใหม่ที่ทรงพลังและน่าตื่นตาตื่นใจสำหรับการแสดงออกทางความคิดสร้างสรรค์ และควรถือว่า Generative AI เป็นสิ่งของในกล่องเครื่องมือของศิลปิน โดยเป็นอุปกรณ์สำหรับการแสดงออกของมนุษย์ที่มีจินตนาการของครีเอเตอร์คอยกำหนดแนวทาง
Adobe มุ่งมั่นที่จะสร้างเครื่องมือ AI สำหรับครีเอเตอร์ที่สร้างแรงบันดาลใจให้กับศิลปินและส่งเสริมการแสดงออกทางความคิดสร้างสรรค์ ลองใช้ Adobe Firefly วันนี้แล้วดูว่าจินตนาการของคุณจะสร้างสรรค์อะไรออกมาบ้าง