เจาะลึกการถ่ายภาพ Telephoto
เรียนรู้เกี่ยวกับเลนส์ Telephoto และตัวแบบที่เหมาะสมที่สุดเมื่อใช้โฟกัสยาวๆ พร้อมทำความเข้าใจว่าระยะชัดลึกส่งผลต่อภาพอย่างไร
การถ่ายภาพ Telephoto คืออะไร
การถ่ายภาพ Telephoto คือการถ่ายภาพประเภทหนึ่งซึ่งดึงตัวแบบที่อยู่ไกลเข้ามาใกล้ขึ้นด้วยการใช้ความยาวโฟกัสที่ยาว ในขณะที่ความยาวโฟกัสสั้นๆ เน้นให้ตัวแบบที่อยู่ใกล้คุณมากที่สุดดูใหญ่ขึ้น เลนส์ Telephoto จะเน้นตัวแบบที่อยู่ไกลและดึงเข้ามาใกล้มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นผู้คน สัตว์ป่า ไปจนถึงภูเขา
ประโยชน์ของการบีบภาพ
"เลนส์ Telephoto จะทำให้คุณเข้าไปใกล้ตัวแบบมากขึ้น มีสิ่งที่เรียกว่าการบีบภาพซึ่งเกิดขึ้นกับเลนส์ยาวๆ ที่ทุกสิ่งที่อยู่ในพื้นหลังดูเหมือนอยู่ใกล้ขึ้น" ช่างภาพ Julia Ohst กล่าว "ซึ่งมีประโยชน์มาก อย่างตอนที่มี ภูเขาสวยๆ ที่คุณต้องการเน้นในภาพของคุณ"
เลนส์ Telephoto ยังเหมาะสำหรับถ่ายภาพระยะใกล้หรือสำหรับเน้นความแตกต่างของขนาดที่ผู้ชมต้องทึ่งอีกด้วย "[ข้อดี] คือการที่สามารถซูมเข้าไปและเจาะจงโฟกัสบางตัวแบบมากกว่า" ช่างภาพ Adam Ruggieri "อีกอย่างที่สำคัญที่สุดสำหรับผมคือการบีบภาพ คือสามารถใส่คนตัวเล็กๆ ลงในฉากใหญ่ หรือใส่ภูเขาใหญ่ๆ ไว้ด้านหลังถนนสายเล็กๆ ได้ เป็นเรื่องของการแสดงให้เห็นขนาดล้วนๆ"
ประเภทของเลนส์ Telephoto
คุณสามารถถ่ายภาพ Telephoto ด้วยกล้องรุ่นใดก็ได้ที่สามารถเปลี่ยนเลนส์ได้ รวมถึงกล้องฟิล์ม, กล้อง DSLR หรือกล้อง Mirrorless และผู้ผลิตเลนส์รายใหญ่ทุกเจ้า เช่น Canon, Nikon, Sigma และ Sony ก็มีเลนส์ Telephoto หลากหลายประเภท ตั้งแต่เลนส์สั้นๆ เช่น 70 มม. ไปจนถึงเลนส์ Super Telephoto ที่ยาวกว่า 300 มม.
ความยาวโฟกัสทั่วไปในการถ่าย Telephoto
เลนส์ 24 มม. –70 มม.: เลนส์ซูมที่มีระยะตั้งแต่ 24 มม. ถึง 70 มม. ราวกับสะพานเชื่อมระหว่างเลนส์มุมกว้างที่ยาวที่สุดกับเลนส์ Telephoto ที่สั้นที่สุด โดยเป็นเลนส์ซึ่งเหมาะสำหรับการถ่ายภาพภูมิทัศน์ ซึ่งคุณสามารถเลือกใช้ระหว่างภาพมุมกว้างที่ 24 มม. และเอฟเฟกต์การบีบภาพที่ 70 มม. ก็ได้
เลนส์ 70 มม. – 200 มม.: ช่วงเลนส์ซูม Telephoto ซึ่งนิยมใช้กันพอสมควร เหมาะสำหรับการถ่ายภาพบุคคลและสามารถใช้เน้นองค์ประกอบพื้นหลังขนาดใหญ่อย่างภูเขาหรือแถบตึกระฟ้าในเมืองได้
เลนส์ 200 มม. – 500 มม.: ช่างภาพสามารถใช้ระยะความยาวโฟกัสบันทึกภาพสัตว์ป่าจากระยะไกล ถ่ายภาพกีฬา และใช้ในสถานการณ์อื่นๆ ที่คุณต้องการกำลังขยายพอสมควร
300 มม. ขึ้นไป: เลนส์ใดๆ ที่เกิน 300 มม. ถือเป็นเลนส์ Super Telephoto ซึ่งให้กำลังขยายสูงเป็นพิเศษสำหรับตัวแบบที่เล็กที่สุดหรืออยู่ไกลที่สุด เช่น นกที่กำลังบิน
เลนส์ซูมกับเลนส์ไพรม์ต่างกันอย่างไร
คุณสามารถปรับเลนส์ซูม Telephoto ให้มีความยาวโฟกัสต่างๆ ได้ แต่เลนส์ไพรม์ Telephoto สร้างขึ้นสำหรับความยาวโฟกัสเดียว เลนส์ซูมอาจใช้งานได้หลากหลาย แต่เลนส์ไพร์มมักจะให้ค่ารูรับแสงสูงสุดที่กว้างกว่าและภาพที่คมชัดกว่า หากคุณต้องการรูรับแสงกว้างหรือภาพที่คมชัดกว่า เลนส์ไพรม์คือตัวเลือกที่ดีที่สุดของคุณ โดยเรานิยมใช้เลนส์ไพรม์ 500 มม. สำหรับการถ่ายภาพนก
Crop Factor และเลนส์ต่างๆ
เมื่อคุณเลือกเลนส์ อย่าลืมตรวจสอบว่ากล้องที่ใช้เป็นกล้อง Full-frame หรือมี Crop Factor หรือไม่ กล้อง Full-frame มาพร้อมกับเซ็นเซอร์เต็มเฟรม ซึ่งจะแสดงทั้งภาพในช่องมองภาพ อีกตัวเลือกหนึ่งคือเซ็นเซอร์ที่มีการครอบตัด เช่น APS-C ซึ่งจะให้ภาพที่ซูมเข้าไปมากกว่าที่คุณอาจจะคาดไว้เล็กน้อย ไม่ว่าจะติดตั้งเลนส์ใดก็ตาม
ตัวแบบที่นิยมใช้ในการถ่ายภาพด้วยเลนส์ Telephoto
คุณสามารถถ่ายภาพอะไรก็ได้ด้วยเลนส์ Telephoto ตราบใดที่ตัวแบบอยู่ห่างจากคุณมากพอที่จะอยู่ภายในช่วงโฟกัสของเลนส์ เลนส์จำพวกนี้ถ่ายสัตว์ป่าที่อยู่ในระยะไกล ผู้คน และทิวทัศน์ของเมืองหรือภูเขาได้สวย
การถ่ายภาพสัตว์ป่า
กำลังขยายของเลนส์ Telephoto เป็นสิ่งจำเป็นต่อการเก็บรายละเอียดของสิงสาราสัตว์โดยไม่รบกวนพวกมัน "สำหรับช่างภาพสัตว์ป่า เลนส์ Telephoto คืออุปกรณ์ที่สำคัญที่สุดในบรรดาอุปกรณ์ทั้งหมด" Ohst กล่าว "แน่นอนว่ายิ่งเลนส์ใหญ่ ราคาก็จะยิ่งสูง ดังนั้นระยะที่คุณต้องการเข้าใกล้ตัวแบบกับงบที่มีสำหรับอุปกรณ์จึงต้องสมดุลกัน แต่คนที่ถ่ายภาพสัตว์ป่ามักต้องการเลนส์ที่มีความยาวอย่างน้อย 400 มม. หรืออาจจะมากกว่าเสียด้วยซ้ำ"
การถ่ายภาพบุคคล
เลนส์ Telephoto ในช่วง 70 มม. ถึง 85 มม. เหมาะสำหรับถ่ายภาพบุคคล "เลนส์มุมกว้างจะเน้นระยะห่างระหว่างสิ่งต่างๆ จึงดึงทุกสิ่งที่อยู่ด้านหน้าของภาพเข้าหาคุณ ซึ่งไม่ใช่เรื่องดีเลยเมื่อคุณถ่ายภาพผู้คน เพราะจมูกคือสิ่งที่อยู่ใกล้ที่สุด และไม่มีใครอยากให้จมูกของตัวเองดูใหญ่ขึ้นในภาพ เมื่อคุณเว้นระยะออกมาอีกหน่อยและใช้เลนส์ที่ยาวขึ้น เลนส์บีบใบหน้าของตัวแบบ ซึ่งมักจะถูกใจกว่า”
การถ่ายภาพภูมิทัศน์และทิวตึก
"ถ้าต้องการให้พื้นหลังโดดเด่นขึ้นและมองเห็นได้ชัดเจนยิ่งขึ้นในภาพ เลนส์ Telephoto คือเครื่องมือที่ใช่" Ohst กล่าว ด้วยเหตุนี้ เลนส์ Telephoto จึงใช้ถ่ายภาพทิวทัศน์และทิวตึกระฟ้าในเมืองที่น่าทึ่งได้อย่างไม่น่าเชื่อ
"คุณสามารถจัดวางถนนและภูเขาได้โดยที่ถนนดูเหมือนปกติในสายตาคุณ ในขณะที่ภูเขาจะดูใหญ่มากในภาพถ่าย ในสถานที่ถ่ายจริง ภูเขาอยู่ไกลและเล็กกว่าก็จริง แต่เลนส์จะบีบภาพจนได้ผลลัพธ์ดังกล่าว" Ruggieri กล่าว "อีกอย่างหนึ่งที่ผมชอบมากคือการถ่ายภาพทิวตึกจากที่ไกลๆ ซึ่งคุณสามารถวางอะไรบางอย่างไว้ด้านหน้าโดยมีทิวตึกที่ดูใหญ่มากเป็นพื้นหลัง"
แนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดสำหรับการถ่ายภาพด้วยเลนส์ Telephoto
ใช้ขาตั้งกล้อง
เลนส์ Telephoto มีขนาดใหญ่และหนักกว่าเลนส์ส่วนใหญ่ คุณจึงควรลงทุนซื้อขาตั้งกล้องที่สามารถรองรับน้ำหนักของเลนส์ได้ ขาตั้งกล้องที่ใช้กับเลนส์มุมกว้างอาจดูเหมือนจะรองรับเลนส์ Telephoto ได้ดี แต่ก็อาจค่อยๆ เอียงลงมาเนื่องจากน้ำหนักที่มากกว่าปกติ นอกจากนี้ คุณอาจต้องใช้ Gimbal เพื่อช่วยให้เลื่อนกล้องที่อยู่บนขาตั้งได้โดยไม่สั่น หรือ Monopod เสริมสำหรับเลนส์ที่ยาวที่สุด
เร่งความเร็วชัตเตอร์
หากคุณไม่ได้วางกล้องบนขาตั้ง ความเร็วชัตเตอร์ที่เร็วๆ จะช่วยให้ได้ภาพที่คมชัด หลักการคำนวณง่ายๆ วิธีหนึ่งคือใช้ความเร็วหนึ่งส่วนความยาวโฟกัส ดังนั้น หากคุณใช้เลนส์ 400 มม. ให้ตั้งค่าความเร็วชัตเตอร์ที่ 1/400 วินาที "ถ้าต้องใช้ความเร็วช้ากว่านั้นเพื่อแสงเข้าเซ็นเซอร์มากพอ ผมจะต้องใช้ขาตั้งกล้องหรือเพิ่ม ISO ให้สูงขึ้น" Ohst กล่าว
เปิดระบบกันสั่น
ฟีเจอร์นี้เรียกอีกอย่างว่าการลดภาพสั่นไหว เป็นฟีเจอร์สำคัญที่ช่วยป้องกันไม่ให้ภาพเบลอได้ เนื่องจากเลนส์ Telephoto นั้นทั้งยาวและหนัก จึงมีความเสี่ยงสูงที่กล้องจะสั่น “ถ้าคุณไม่ได้ใช้ขาตั้งกล้องที่แข็งแรงมากจริงๆ คุณต้องเปิดระบบกันสั่น" Ohst กล่าว
ใช้รีโมทลั่นชัตเตอร์
อีกวิธีหนึ่งในการป้องกันไม่ให้กล้องสั่นคือใช้ตัวตั้งเวลาหรือสายลั่นชัตเตอร์จากระยะไกลแทนที่จะกดปุ่มบนตัวกล้องเพื่อถ่ายภาพ "ผมใช้รีโมทไร้สาย" Ruggieri กล่าว "ผมทำหายไปสองสามอันแล้ว เลยซื้ออันถูกๆ ที่ขายเป็นแพ็คสามอันในราคาประมาณ 15 ดอลลาร์"
แต่งภาพ Telephoto ของคุณ
เมื่อคุณกลับถึงบ้านหลังถ่ายภาพ Adobe Photoshop Lightroom จะช่วยให้คุณจัดระเบียบและปรับแต่งภาพของคุณให้สมบูรณ์แบบได้อย่างสะดวก "สิ่งแรกที่ผมจัดการกับภาพที่ถ่ายมาคือกำจัดภาพที่เบลอหรือใช้ไม่ได้ออกไป ตอนที่ผมเพิ่งถ่ายภาพ Telephoto ใหม่ๆ ภาพที่ผมถ่ายจัดอยู่ในจำพวกนั้นมากกว่าที่เคย เพราะเลนส์ขยับหรือขาตั้งกล้องเอียงลง หรือปัญหาอื่นๆ ในทำนองเดียวกัน" Ohst กล่าว
จัดเรียงภาพได้อย่างง่ายดาย
"ไล่ดูและเลือกภาพที่น่าสนใจที่สุด ผมจะให้คะแนนภาพตามระดับดาวใน Lightroom และมักนำภาพที่ได้สี่ดาวขึ้นไปปรับแต่งต่อ"
ใช้ฟีเจอร์ Dehaze ปรับให้ภาพชัดขึ้น
"ผมจะปรับแต่งขั้นเบื้องต้นก่อนเพื่อให้สี ไฮไลต์ และเงาดูดี" Ruggieri กล่าว “จากนั้นจึงใช้ฟีเจอร์ Dehaze ใน Lightroom ผมสังเกตว่าเมื่อใช้เลนส์ Telephoto ภาพจะมีฝ้าได้ง่ายกว่า ผมเลยใช้ Dehaze บ่อยกว่าตอนที่ถ่ายภาพประเภทอื่นๆ เล็กน้อย อีกอย่างที่ผมระวังหลังจากใช้ Dehaze คือภาพมี Saturation มากเกินไปไหม บางครั้งผมจะลดค่านี้ลงเล็กน้อยเพื่อชดเชย"
ให้เวลา
หากต้องการทำความคุ้นเคยกับการถ่ายภาพ Telephoto ให้ออกไปลองลงมือถ่ายจริง "ทดลองและถ่ายให้บ่อยที่สุดเท่าที่จะทำได้ โดยพยายามถ่ายตัวแบบให้หลากหลายที่สุด" Ruggieri กล่าว "ทดสอบความแตกต่างของภาพที่ได้เมื่อใช้เลนส์ Telephoto กับเลนส์มุมกว้างหรือเลนส์ระยะกลางๆ”
คุณอาจต้องแบกเป้ใบเขื่อง แต่ถ้าคุณเดินป่าแล้วพกเลนส์ Telephoto ติดมือไปด้วย รับรองว่าต้องคุ้มค่า "มีหลายครั้งที่ผมพกกล้องไปโดยไม่ได้ตั้งใจจะถ่ายภาพสัตว์ป่า แต่มีสัตว์บางตัวโผล่ออกมาให้ถ่าย" Ohst กล่าว "ครั้งหนึ่งขณะเดินป่า ผมเห็นนกเค้าแมวอยู่บนต้นไม้ ดีที่ผมมีเลนส์ยาวติดตัวไปด้วย"
"ดังนั้น คำแนะนำของผมก็คือนำเลนส์ Telephoto ไปด้วย เพราะใครจะไปรู้ล่ะ" Ohst กล่าว "นำไปด้วยก็พอ"
ผู้มีส่วนร่วม
ทำสิ่งต่างๆ ได้มากขึ้นด้วย Adobe Photoshop Lightroom
แก้ไขรูปภาพอย่างง่ายดายด้วย Preset ของ Lightroom อย่างSuper Resolution แชร์ภาพถ่ายอย่างง่ายดายจากทุกอุปกรณ์ และเข้าถึงโปรเจกต์ต่างๆ ของคุณได้ทุกที่ด้วยการจัดการพื้นที่จัดเก็บภาพถ่ายบนระบบคลาวด์
และคุณอาจสนใจ...
เดินทางสู่โลกใบใหม่และทำให้ตัวแบบขนาดเล็กของคุณดูใหญ่โตเกินจริงด้วยเคล็ดลับการถ่ายภาพมาโคร
วิธีเพิ่มพื้นหลัง Bokeh ให้กับภาพถ่ายของคุณ
ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับเอฟเฟกต์เบลอสุดงดงามที่ทำให้ภาพถ่ายของคุณดูโดดเด่น
การถ่ายภาพกลางคืน
แสงน้อยไม่ได้ทำให้ภาพมีคุณภาพต่ำเสมอไปด้วยเคล็ดลับการถ่ายภาพกลางคืนให้ดูดีเหล่านี้
ทำความเข้าใจระยะชัดลึกที่ตื้น
สำรวจวิธีที่ระยะชัดลึกที่ตื้นสามารถเพิ่มมิติให้ภาพถ่ายของคุณ