การถ่ายภาพสินค้าคืออะไรและถ่ายได้อย่างไร

การถ่ายภาพเชิงพาณิชย์ประเภทนี้มาพร้อมกับความท้าทายและโอกาสที่แตกต่างออกไป เรียนรู้วิธีตกแต่งสินค้าให้ดูดีแล้วถ่ายภาพอย่างยอดเยี่ยม ตั้งแต่การปรับแต่งสไตล์ไปจนถึงการแต่งภาพ

ภาพถ่ายรองเท้าส้นสูงสีแดงภายในโปรแกรมแต่งภาพ โดยมีช่างถ่ายภาพสินค้าอยู่ในฉากหลัง

การถ่ายภาพสินค้าแตกต่างออกไปอย่างไร

การถ่ายภาพสินค้าระดับมืออาชีพคือการถ่ายภาพนิ่งในเชิงพาณิชย์ การสร้างสรรค์ภาพถ่ายสินค้าคุณภาพสูงขึ้นมาไม่ใช่เรื่องง่ายๆ การเรียนรู้วิธีตกแต่งสินค้า จัดแสง และใช้การเปิดรับแสงในระดับต่างๆ ร่วมกันนั้นต้องใช้เวลา สำรวจวิธีสร้างสรรค์ภาพถ่ายอันเรียบง่ายที่มีแค่สินค้าเพื่อใช้งานด้านอีคอมเมิร์ซ ตลอดจนภาพถ่ายไลฟ์สไตล์ที่แสดงการใช้สินค้าที่ซับซ้อนขึ้นมา

 

ถ่ายภาพสินค้าให้ชัดเจน

การถ่ายภาพสินค้าหลักๆ อย่างหนึ่งคือภาพถ่ายที่เน้นถ่ายเฉพาะสินค้า ภาพเหล่านี้มักใช้สำหรับการประกาศขายสินค้าในร้านค้าออนไลน์อย่าง Amazon หรือ Etsy ซึ่งปกติแล้วจะถ่ายโดยใช้พื้นหลังเรียบๆ สีขาวเพื่อไม่ให้มีสิ่งรบกวนสายตา ภาพที่เน้นถ่ายเฉพาะสินค้าจะแสดงรายละเอียดต่างๆ ของสินค้า เช่น ขนาด รูปทรง และสี ข้อมูลเหล่านี้จะช่วยให้ผู้บริโภคหาสินค้าที่อยากซื้อเจอเมื่อช้อปปิ้งออนไลน์

 

ก่อนที่จะเริ่มถ่ายภาพสินค้า คุณควรพูดคุยกับลูกค้าและสอบถามถึงความต้องการของลูกค้าก่อน ลูกค้าอยากให้ถ่ายภาพมุมไหนโดยเฉพาะหรือไม่ แล้วจำเป็นต้องถ่ายภาพให้เห็นฉลากสินค้าในทุกๆ ภาพไหม การวางแผนช่วยให้ถ่ายภาพได้สำเร็จด้วยดี ดังนั้นให้รวบรวมข้อมูลที่จำเป็นต้องทราบก่อนที่คุณจะเริ่มเตรียมการถ่ายภาพของคุณ

ภาพถ่ายทางอากาศของช่างถ่ายภาพสินค้าที่กำลังจัดวางรองเท้าสีแดงคู่หนึ่ง

เตรียมอุปกรณ์ที่เหมาะสม
ช่างถ่ายภาพสินค้าและอาหารอย่าง Sarah Aagesen เล่าว่า “ฉันมักจะใช้เลนส์ 50 มม. กับกล้อง DSLR” เพื่อถ่ายภาพที่มีเฉพาะสินค้า “รวมถึงพกเลนส์ 20 มม. เพื่อถ่ายภาพในมุมกว้างยิ่งขึ้น และเลนส์มาโครในกรณีที่จำเป็นต้องถ่ายภาพรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ” การมีเลนส์อย่างหลากหลายพร้อมให้ใช้งานจะช่วยให้คุณรับมือกับความท้าทายในการถ่ายภาพได้

 

คุณไม่ควรใช้ฟังก์ชันโฟกัสอัตโนมัติของกล้องในการถ่ายภาพสินค้าที่ตั้งอยู่นิ่งๆ โดยเด็ดขาด “ถ้าตัวแบบของคุณไม่ได้เคลื่อนไหวไปไหน ก็ไม่มีเหตุผลอะไรให้ใช้โฟกัสอัตโนมัติ ตั้งกล้องของคุณบนขาตั้งแล้วใช้โฟกัสแบบแมนนวลแทน” ช่างภาพมืออาชีพ Jason Deymonaz แนะนำ รวมทั้งควรใช้สายลั่นชัตเตอร์เพื่อป้องกันไม่ให้กล้องสั่นโดยไม่ได้ตั้งใจขณะที่คุณถ่ายภาพ หากคุณถ่ายภาพ Multiple Exposure จากมุมๆ เดียวเพื่อนำภาพไปประกอบรวมกันในภายหลัง ขั้นตอนนี้ก็สามารถช่วยให้คุณประหยัดเวลาได้

 

ตกแต่งสินค้าของคุณ
ช่างถ่ายภาพสินค้ามีหน้าที่ในการจัดเตรียมสินค้าให้ดูดีที่สุด ซึ่ง Deymonaz กล่าวว่า “ผมมักจะพกอุปกรณ์ทำความสะอาดพร้อมน้ำยาเช็ดกระจก กรรไกร และน้ำยาลอกกาวไว้กับตัวเสมอเพื่อลอกฉลาก ลบลายนิ้วมือ และกำจัดฝุ่น ผมจะต้องเตรียมสินค้าให้ดูดีพร้อมสำหรับการถ่ายภาพมากที่สุด ซึ่งช่วยประหยัดเวลาได้มากในขั้นตอนหลังการถ่ายภาพ” หากบนสินค้ามีฝุ่นเกาะและฝุ่นปรากฏอยู่ในทุกๆ ภาพที่คุณถ่าย คุณจะต้องเสียเวลาอย่างมากในการต้องมานั่งแต่งภาพทีละภาพ และหากคุณถ่ายภาพเสื้อผ้าหรือเนื้อผ้า อย่าลืมรีดรอยยับอันไม่พึงประสงค์ให้เรียบก่อน

 


เตรียมสถานที่ถ่ายภาพสินค้า 

หลังจากที่ตกแต่งสินค้าจนดูไร้ที่ติแล้ว คุณควรจัดเตรียมสถานที่ถ่ายภาพต่อ ถ่ายภาพคุณภาพสูงๆ โดยใช้พื้นหลังสีทึบอย่างผ้าหรือกระดาษสีขาวหรือสีดำ สินค้าจะต้องโดดเด่นที่สุดในภาพ ดังนั้นจึงควรใช้พื้นหลังที่เรียบง่ายและสะอาดเพื่อไม่ให้มีสิ่งใดมารบกวนสายตา

 

พิจารณาใช้ซอฟต์บ็อกซ์เพื่อจัดแสงในการถ่ายภาพสินค้า อุปกรณ์ปรับแต่งแสงเหล่านี้จะให้แสงที่นุ่มนวลและกระจายตัวสม่ำเสมอเพื่อช่วยลดเงาที่ดูเด่นชัด และเนื่องจากคุณย่อมต้องการให้ผู้รับชมภาพสามารถอ่านฉลากและรายละเอียดสินค้าได้ คุณจึงควรจัดแสงเพื่อถ่ายภาพที่มีเฉพาะสินค้าในลักษณะที่ไม่ซับซ้อนและมีแสงเท่าๆ กัน พิจารณาใช้เต็นท์แสงและแสงเทียมร่วมด้วย เต็นท์แสงเป็นโครงลวดทรงสี่เหลี่ยมซึ่งคลุมไว้ด้วยผ้าบางๆ สีขาว โดยสามารถใช้เพื่อสร้างแสงที่กระจายตัวอย่างนุ่มนวลภายในเต็นท์ ซึ่งเหมาะต่อการจัดแสงสำหรับวัตถุชิ้นเล็กๆ ให้สว่างสม่ำเสมอกัน

สินค้าสกินแคร์ต่างๆ ที่ถ่ายจากมุมด้านบน

“ฉันไม่แนะนำให้ถ่ายภาพที่มีเฉพาะสินค้าโดยใช้แสงธรรมชาติเพราะแสงประเภทนี้อาจเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว” Aagesen อธิบาย “คุณมักจะต้องถ่ายภาพหลายๆ ภาพจากมุมที่แตกต่างกัน และถ้าคุณใช้แสงที่ส่องผ่านหน้าต่างแล้วดันมีเมฆเคลื่อนมาบังแสง แสงที่คุณใช้ถ่ายภาพจะเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิงในทันที” เนื่องจากแสงธรรมชาติเปลี่ยนแปลงได้ง่ายและยากที่จะเลียนแบบขึ้นมา แสงไฟในสตูดิโอจึงเหมาะแก่การถ่ายภาพสินค้าให้สำเร็จด้วยดีมากกว่า เพราะยังไงแล้วคุณก็อาจต้องถ่ายภาพเพิ่มเมื่อมีสินค้ารุ่นใหม่ปล่อยออกมา

 

ถ่ายภาพสินค้าของคุณ
สำหรับสินค้าบางรายการ คุณจะต้องถ่ายภาพเดิมนั้นหลายๆ ครั้งโดยใช้ Multiple Exposure เพื่อให้สามารถจับรายละเอียดหรือส่วนต่างๆ ของสินค้าภายใต้แสงที่ดีที่สุด โดย Deymonaz เล่าว่า “ผมจะถ่ายไว้ประมาณสามถึงสิบภาพแล้วจึงรวมภาพเหล่านั้นเป็นภาพภาพเดียวในภายหลัง” อย่าลืมเตรียมไฟสโตรป รีเฟลกเตอร์ หรือแสงไฟประเภทอื่นๆ ให้พร้อมใช้งานในกรณีที่คุณจำเป็นต้องสลับไปใช้แสงแบบอื่นในการถ่ายภาพ หากคุณถ่ายภาพสินค้าขนาดเล็กหรือถ่ายภาพโดยใช้ระยะชัดลึกตื้นๆ คุณอาจจำเป็นต้องใช้ Focus Stacking เพื่อให้ได้ภาพที่โฟกัสสินค้าอย่างครบถ้วนทุกๆ ส่วน

 

แต่งภาพสินค้าของคุณ
ในแง่ของการตกแต่งภาพ ช่างภาพทุกคนล้วนมีสไตล์ที่ชอบในแบบของตัวเอง “ฉันมักเริ่มแต่งภาพโดยปรับความสว่างและการเปิดรับแสงก่อน” Aagesen เล่า “จากนั้นจึงปรับสมดุลสีขาว ตรวจดูว่าสีต่างๆ ไม่เพี้ยนถูกต้อง แล้วค่อยปรับไฮไลต์ เงา และ Contrast”

ภาพถ่ายขนมหวานที่น่ากินบนจานพร้อมผ้าเช็ดปาก

การแต่งภาพในภายหลังสามารถเปลี่ยนภาพถ่ายสินค้าของคุณที่ดูจืดชืดเป็นภาพสวยๆ ได้ แต่การทำความเข้าใจเกี่ยวกับเครื่องมือที่คุณมีอยู่ถือเป็นหัวใจสำคัญในการทำให้ภาพถ่ายสินค้าของคุณโดดเด่น ดูบทช่วยสอนเหล่านี้เกี่ยวกับขั้นตอนหลังการถ่ายภาพเพื่อตกแต่งภาพถ่ายของคุณให้เด่นกว่าใครๆ

 

 

  • ใช้ Spot Healing ให้เชี่ยวชาญเพื่อกำจัดสิ่งรบกวนสายตาเล็กๆ น้อยๆ ออกจากภาพถ่ายสินค้าของคุณ หากภาพของคุณมีแสงสะท้อนหรือไฮไลต์แปลกๆ เครื่องมือรีทัชนี้ก็สามารถช่วยให้คุณลบแสงดังกล่าวนั้นออกจากภาพได้อย่างแยบยล

 

  • หากคุณต้องการตัดฉลากหรือรอยขีดข่วนบนสินค้าออก ใช้ Clone Stamp เพื่อคัดลอกรายละเอียดและสีจากส่วนหนึ่งในภาพไปยังอีกส่วน

 

ถ่ายภาพไลฟ์สไตล์ให้สะกดสายตา

ภาพถ่ายไลฟ์สไตล์ช่วยให้ลูกค้าเข้าใจวิธีใช้สินค้าได้ดียิ่งขึ้น รวมทั้งช่วยให้ลูกค้าจินตนาการภาพสินค้าในชีวิตประจำวันของตัวเองได้ และแม้จะต่างจากภาพถ่ายที่มีเฉพาะสินค้า แต่กฎหลายๆ ข้อในการถ่ายภาพก็เหมือนกันในการถ่ายภาพไลฟ์สไตล์

 

เตรียมถ่ายภาพไลฟ์สไตล์

เมื่อถ่ายภาพไลฟ์สไตล์ คุณอาจต้องร่วมงานกับนางแบบหรือนายแบบเพื่อช่วยแสดงการใช้สินค้า “แม้ว่านางแบบหรือนายแบบจะเป็นส่วนสำคัญในการถ่ายภาพ แต่พวกเขาไม่ใช่จุดโฟกัส” Aagesen อธิบาย “นางแบบหรือนายแบบคือองค์ประกอบรอง ในขณะที่สินค้าคือดาวเด่น คุณไม่จำเป็นต้องถ่ายภาพให้เห็นใบหน้าของนางแบบหรือนายแบบในทุกๆ ภาพ” ลองถ่ายภาพสินค้าวางอยู่บนมือคนในระยะใกล้และเปลี่ยนท่าโพสไปเรื่อยๆ เพื่อให้ดูเป็นธรรมชาติ

ผลิตภัณฑ์ครีมสกินแคร์ที่มีคนถือไว้

สร้างรายการภาพที่ต้องถ่ายเพื่อให้มั่นใจว่าคุณจะถ่ายภาพได้ครบตามที่ตั้งใจ ถ่ายภาพให้หลากหลายและหลังจากที่ถ่ายเสร็จแล้ว ปล่อยให้ตัวเองได้ทดลองถ่ายภาพตามใจชอบ ซึ่งเป็นโอกาสให้คุณได้ถ่ายภาพสินค้าอย่างมีศิลปะและจินตนาการมากขึ้น ในบางครั้ง ภาพที่ถ่ายโดยไม่ได้วางแผนก็กลับกลายเป็นภาพที่ออกมาดีที่สุด

 

แม้แสงธรรมชาติจะไม่เหมาะสำหรับการถ่ายภาพที่มีเฉพาะสินค้า แต่มักจะเหมาะในการถ่ายภาพไลฟ์สไตล์ โดยสามารถส่องแสงให้ฉากของคุณสว่างเท่าๆ กันได้อย่างเป็นธรรมชาติโดยที่คุณไม่ต้องดำเนินการอะไรมาก ซึ่ง Aagesen แนะนำว่า “ควรระมัดระวังในการถ่ายภาพภายใต้แสงแดดโดยตรง เพราะแสงแบบนี้จะก่อให้เกิดเงาที่เด่นชัด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกรณีที่สินค้าของคุณสะท้อนแสงหรือมีลักษณะมันเงา” หากคุณถ่ายภาพที่มีแสงจ้าเป็นพิเศษ ลองถ่ายภาพภายในร่มเงาแล้วใช้รีเฟลกเตอร์เพื่อสะท้อนแสงในภาพของคุณ

 

ตกแต่งภาพถ่ายไลฟ์สไตล์
ไม่ว่าคุณจะถ่ายภาพแล้วเกิดแสงสะท้อนโดยไม่ได้ตั้งใจบนสินค้า หรือคุณจำเป็นต้องลบผู้คนหรือรถยนต์ออกจากพื้นหลัง ลองดูบทช่วยสอนเหล่านี้เพื่อแต่งภาพถ่ายสินค้าของคุณให้สมบูรณ์แบบ

 

  • เมื่อถ่ายภาพไลฟ์สไตล์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อถ่ายภาพกลางแจ้ง คุณจะไม่สามารถควบคุมสภาพแวดล้อมในการถ่ายภาพได้ตลอดเวลา ใช้เครื่องมือ Content-Aware Fill เพื่อลบสิ่งที่ไม่พึงประสงค์ในภาพของคุณ

 

  • เน้นให้สินค้าของคุณโดดเด่นโดยการปรับภาพให้คมชัดด้วยฟิลเตอร์ Unsharp Mask ซึ่งจะเป็นการเพิ่ม Contrast ในบริเวณขอบของรูปภาพและช่วยดึงดูดสายตาของผู้รับชมภาพให้มองไปที่ตัวสินค้า

 

  • สีเพี้ยนคือการที่สีโดยรวมในภาพเพี้ยนอันเนื่องมาจากแสงขณะที่คุณถ่ายภาพ หากสีดูไม่เป็นธรรมชาติ คุณสามารถลบสีออกจากภาพของคุณได้

 

การถ่ายภาพสินค้าให้สวยงามอาจไม่ใช่เรื่องง่ายๆ แต่การมีเครื่องมือที่เหมาะสมให้คุณพร้อมใช้งานได้ทุกเมื่อจะช่วยให้คุณสามารถแก้ไขและปรับแต่งรูปภาพให้โดดเด่นได้ และเมื่อคุณพอมีประสบการณ์ในการถ่ายภาพสินค้าแล้ว คุณอาจอยากเตรียมตัวให้พร้อมเริ่มถ่ายภาพประเภทนี้อย่างเป็นมืออาชีพ

 

วิธีเริ่มธุรกิจการถ่ายภาพสินค้า

ไม่มีเวลาไหนที่เหมาะสำหรับการเป็นช่างถ่ายภาพสินค้ามืออาชีพไปยิ่งกว่าช่วงที่การช้อปปิ้งออนไลน์กำลังได้รับความนิยม เว็บไซต์อีคอมเมิร์ซอย่าง Amazon ครองตลาดการขายปลีก และเว็บไซต์อย่าง Shopify, Etsy และ eBay ก็ช่วยให้ธุรกิจขนาดเล็กสามารถสร้างตัวตนบนโลกออนไลน์ได้อย่างรวดเร็ว หากคุณต้องการให้ธุรกิจจ้างคุณถ่ายภาพสินค้า คุณต้องแสดงให้ลูกค้าเห็นก่อนว่าคุณสามารถถ่ายภาพได้ดี

 

สร้างพอร์ตโฟลิโอภาพถ่ายสินค้า

ขั้นตอนแรกในการสร้างธุรกิจของคุณในฐานะช่างถ่ายภาพสินค้าคือการสร้างพอร์ตโฟลิโอ รวบรวมผลงานที่ดีที่สุดของคุณไว้บนเว็บไซต์เดียว ซึ่งคุณสามารถแชร์เป็นลิงก์กับลูกค้าเป้าหมายได้ แสดงเฉพาะผลงานที่คุณถ่ายได้ดีเท่านั้นเพื่อไม่ให้ลูกค้าตาลายไปกับภาพถ่ายที่มีจำนวนมากเกินไป แสดงผลงานของคุณเพียง 20 หรือ 25 ภาพ และพยายามแสดงภาพที่หลากหลายของสินค้าหลายๆ ประเภทในสไตล์และสภาพแวดล้อมที่แตกต่างกันไป คุณควรแสดงให้เห็นทั้งความสามารถที่หลากหลายและความเป็นศิลปินของคุณ

 

ใช้เวลาสร้างส่วนที่อธิบายเกี่ยวกับตัวคุณ แจ้งข้อมูลความเป็นมาเบื้องต้น เช่น ประสบการณ์การทำงานที่เกี่ยวข้องและการศึกษาของคุณ แต่ควรระบุรายละเอียดเกี่ยวกับตัวเองเพื่ออธิบายนิสัยและความสนใจของคุณด้วย และแน่นอนว่าต้องไม่ลืมแจ้งที่อยู่อีเมลหรือหมายเลขโทรศัพท์เพื่อให้ลูกค้าติดต่อคุณได้

 

คุณควรคิดค่าถ่ายภาพสินค้าเท่าไหร่

ราคาจะขึ้นอยู่กับประสบการณ์ของคุณ ค่าใช้จ่าย และความยากง่าย หรือสถานที่ในการถ่ายภาพ สำหรับภาพถ่ายเพื่อวัตถุประสงค์ด้านอีคอมเมิร์ซ คุณอาจเรียกเก็บค่าบริการตามจำนวนภาพที่ลูกค้าใช้ โดยเริ่มต้นที่ 20 ดอลลาร์ต่อภาพถ่าย แล้วค่อยๆ เพิ่มราคาตามประสบการณ์จนถึงภาพละ 50 ดอลลาร์ สำหรับโปรเจกต์ใหญ่ๆ ที่ต้องถ่ายภาพสินค้าจำนวนมากหรือทั้งแคตตาล็อก คุณอาจเรียกเก็บค่าบริการต่อการถ่ายภาพสินค้าแต่ละครั้ง

 

ในการตีราคาที่คุณเรียกเก็บต่อการถ่ายภาพแต่ละครั้ง ลองตรวจสอบอัตราค่าบริการของช่างภาพมืออาชีพในพื้นที่ของคุณเพื่อทำความเข้าใจตลาด จากนั้นแชร์ผลงานของคุณกับธุรกิจต่างๆ ในพื้นที่และเสนอราคาที่ดีกว่า ขณะที่คุณสั่งสมประสบการณ์ในการถ่ายภาพโฆษณาไปเรื่อยๆ คุณจะเริ่มคิดค่าบริการแบบเหมาจ่ายได้ โดยคุณอาจขึ้นราคาในการถ่ายภาพตลอดทั้งวันจากไม่กี่ร้อยดอลลาร์เป็นพันๆ ดอลลาร์ได้

 

ไม่ว่าคุณจะเริ่มต้นจากจุดใด อย่าลืมว่าในแต่ละงาน คุณจะได้เรียนรู้อะไรใหม่ๆ เพิ่มเติมและเพิ่มผลงานลงพอร์ตโฟลิโอของคุณได้ ทุกปัญหาใหม่ๆ ที่คุณแก้ได้สำเร็จจะกลายเป็นอีกทักษะหนึ่งของคุณ และตราบใดที่คุณถ่ายภาพต่อไป ฝีมือของคุณจะพัฒนาขึ้นเรื่อยๆ และเมื่อคุณเก่งขึ้น คุณก็จะสามารถหางานที่ท้าทายยิ่งขึ้นและเรียกเก็บค่าบริการที่สูงขึ้นได้

ผู้มีส่วนร่วม

ทำสิ่งต่างๆ ได้มากขึ้นด้วย Adobe Photoshop

สร้างภาพที่สวยงามด้วยแปรง PhotoshopContent-Aware FillPhoto EffectsNeural FilterSky Replacement และเครื่องมือมากมายที่ช่างภาพไว้วางใจ

สำรวจแอปตระกูล Photoshop

และคุณอาจสนใจ...

ภาพนิ่งของดอกแดฟโฟดิลสีเหลืองที่กำลังบานในสภาวะที่แสงน้อย

ศิลปะแห่งการถ่ายภาพนิ่ง

พัฒนาทักษะการจัดองค์ประกอบภาพของคุณด้วยการเรียนรู้ศิลปะแห่งการถ่ายภาพนิ่ง

รูปภาพแซนด์วิชเปิดหน้าอะโวคาโดกับครีมชีสชวนน้ำลายสอ

เคล็ดลับการถ่ายภาพอาหาร

สำรวจโลกแห่งการถ่ายภาพอาหารพร้อมคำแนะนำจากมืออาชีพในวงการ

การชงกาแฟในร้านกาแฟ - เคล็ดลับภาพระยะชัดลึกที่ตื้น | Adobe

ทำความเข้าใจระยะชัดลึกที่ตื้น
สำรวจวิธีที่ระยะชัดลึกที่ตื้นสามารถเพิ่มมิติให้ภาพถ่ายของคุณ

ภาพดอกไม้ทะเลสีสันสดใส

วิธีใช้เทคนิคการซ้อนโฟกัสใน Lightroom

สร้างภาพที่มีหลายวัตถุในหนึ่งโฟกัสให้คมชัดที่สุดโดยใช้การซ้อนโฟกัสด้วย Auto-Blend Layers

ค้นหาแผน Creative Cloud ที่เหมาะกับคุณ

การถ่ายภาพ (20GB)

฿304.95/เดือน (รวม VAT)

Lightroom บนเดสก์ท็อปและมือถือ Lightroom Classic และ Photoshop บนเดสก์ท็อปและ iPad ดูข้อมูลเพิ่มเติม


Photography (20GB)

Lightroom บนเดสก์ท็อปและมือถือ Lightroom Classic และ Photoshop บนเดสก์ท็อปและ iPad ดูข้อมูลเพิ่มเติม

฿304.95/เดือน (รวม VAT)

Adobe Photoshop Single App

฿876.33/เดือน (รวม VAT)

รับ Photoshop บนเดสก์ท็อปและ iPad ในฐานะส่วนหนึ่งของ Creative Cloud ดูข้อมูลเพิ่มเติม


Adobe Photoshop Single App

รับ Photoshop บนเดสก์ท็อปและ iPad ในฐานะส่วนหนึ่งของ Creative Cloud ดูข้อมูลเพิ่มเติม

฿876.33/เดือน (รวม VAT)

All Apps

฿1,143.83/เดือน (รวม VAT)

รับ Photoshop บนเดสก์ท็อปและ iPad รวมทั้งคอลเลกชันแอปสร้างสรรค์ทั้งหมด  ดูข้อมูลเพิ่มเติม


All Apps

รับ Photoshop บนเดสก์ท็อปและ iPad รวมทั้งคอลเลกชันแอปสร้างสรรค์ทั้งหมด  ดูข้อมูลเพิ่มเติม

฿1,143.83/เดือน (รวม VAT)

นักเรียนและครู

฿761.84/mo. (รวม VAT)

ประหยัดกว่า 60% สำหรับคอลเลกชันแอป Creative Cloud ทั้งหมด ดูข้อมูลเพิ่มเติม


นักเรียนและครู

ประหยัดกว่า 60% สำหรับคอลเลกชันแอป Creative Cloud ทั้งหมด ดูข้อมูลเพิ่มเติม

฿761.84/เดือน (รวม VAT)

สั่งซื้อทางโทรศัพท์: 00 1800 019 215