วิธีเริ่มต้นถ่ายภาพกีฬา

เริ่มต้นจากข้อมูลพื้นฐานเพื่อเริ่มถ่ายภาพกีฬาให้ดูดี

อย่างหนึ่งที่เหมือนกันระหว่างการถ่ายภาพกีฬาและการเล่นกีฬาคือการฝึกฝน โดยช่างภาพ Pete Thompson แนะนำว่า “ในช่วงแรก ทำสิ่งทุกอย่างให้ง่ายที่สุดเพื่อให้คุณสามารถเรียนรู้ภาษาในการถ่ายภาพกีฬาใดก็ตามที่คุณเลือกถ่าย” การออกไปถ่ายภาพ ไม่ว่าจะเป็นเกมการแข่งขันฟุตบอลของโรงเรียนในตอนกลางคืนหรือการแข่งขันฟุตบอลช่วงเที่ยงวัน คุณสามารถเริ่มเรียนรู้ได้ว่าคุณควรยืนถ่ายภาพตรงไหนในกิจกรรมเกมกีฬาเพื่อถ่ายภาพที่ดีที่สุดออกมา รวมถึงวิธีในการถ่ายภาพการเคลื่อนไหวอย่างยอดเยี่ยม คุณอาจพบว่าความคิดที่คิดไว้ตอนแรกเกี่ยวกับตำแหน่งหรือวิธีการถ่ายภาพนั้นไม่สามารถใช้กับทุกๆ สถานการณ์หรือทุกเกมกีฬาได้ ซึ่งเป็นบทเรียนสำคัญที่ต้องเรียนรู้ก่อนรับงานถ่ายภาพเกมกีฬาสด

ทดลองถ่ายภาพโดยไม่ใช้อุปกรณ์เสริมช่วย เพื่อให้คุณสามารถเข้าใจความท้าทายของการถ่ายภาพกีฬา แล้วเริ่มแก้ปัญหาเหล่านั้นด้วยกล้องของคุณก่อนจะใช้อุปกรณ์เสริมใดๆ เพิ่ม

• ความเร็วชัตเตอร์เป็นการตั้งค่าที่สำคัญของกล้องเมื่อคุณพยายามถ่ายภาพการเคลื่อนไหว ความเร็วชัตเตอร์สูงๆ เหมาะสำหรับการหยุดการเคลื่อนไหวเอาไว้ ซึ่งมักจะใช้กับการถ่ายภาพแอ็กชัน

• การเตรียมเลนส์ที่มีความยาวโฟกัสในระยะต่างๆ ให้ตัวคุณพร้อมใช้งานจะเป็นประโยชน์ในการถ่ายภาพกีฬาสด คุณอาจต้องใช้เลนส์ซูมเพื่อถ่ายภาพแอ็กชันในระยะใกล้ยิ่งขึ้น

• ทดลองถ่ายภาพด้วยระยะชัดลึกเพื่อจับภาพการเคลื่อนไหวในแบบที่แตกต่างกันไป ลองใช้ค่า F-Stop น้อยๆ ซึ่งจะเปิดรูรับแสงของกล้องกว้าง เพื่อเบลอพื้นหลังและดึงตัวแบบเพียงหนึ่งเดียวให้อยู่ในโฟกัส หรือปรับค่าที่ตรงข้ามจากเดิมเพื่อถ่ายภาพบรรยากาศรอบๆ ตัวนักกีฬามากขึ้น

• การถ่ายภาพด้วยการแพนกล้องสามารถจับภาพวัตถุที่กำลังเคลื่อนไหวโดยปล่อยให้ภาพโดยรอบเบลอ เพื่อถ่ายทอดการเคลื่อนไหวได้ การใช้โมโนพอดเพื่อคงกล้องไว้ในนิ่งขณะที่แพนกล้องอาจเป็นประโยชน์ต่อการถ่ายภาพ

แสงสำหรับการแข่งขันกีฬา กีฬาในร่ม และสตูดิโอ

การถ่ายภาพกีฬากลางแจ้งในช่วงเวลาที่เหมาะสมของวันได้อาจเป็นเรื่องดี แต่ทั้งนี้เนื่องจากข้อกำหนดในการถ่ายภาพแฟชั่นหรือภาพ Editorial หรือข้อจำกัดด้านสถานที่และเวลาในการจัดการแข่งขันกีฬาสด การเลือกเวลาและสถานที่ตามที่คุณต้องการอาจเป็นสิ่งที่ทำได้ยาก

สำหรับการถ่ายภาพกีฬาด้วยกล้อง DSLR การตรวจสอบแต่ละภาพที่ถ่ายบนหน้าจอกล้อง (หรือที่เรียกว่า “Chimping”) เป็นประโยชน์ในการปรับค่าต่างๆ ระหว่างที่ถ่ายภาพ ซึ่งจะช่วยให้คุณปรับค่าเพื่อรับมือกับแสงแรงๆ ในช่วงเที่ยงวันหรือปรับค่าตามแสงต่ำๆ ในการถ่ายภาพกีฬาในร่วมได้ ซึ่งปกติแล้วมักจะใช้ความเร็วชัตเตอร์เร็วๆ และค่า ISO สูงๆ เพื่อปล่อยให้แสงผ่านเข้าสู่กล้องมากขึ้น หากเป็นไปได้ ลองตรวจสอบกับเจ้าหน้าที่ในงานเพราะแฟลชที่ติดเพิ่มเข้ากับกล้องอาจเป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์สำหรับการถ่ายภาพกีฬาในร่ม ตราบใดที่แสงแฟลชไม่รบกวนหรือส่งผลต่อนักกีฬา

หากคุณถ่ายภาพในโรงยิมที่ไม่มีหน้าต่างแล้วการถ่ายภาพตามข้อกำหนดของลูกค้าต้องอาศัยแสงในยามเช้าที่ชวนให้นึกถึงอดีต คุณต้องถ่ายภาพอย่างมีความคิดสร้างสรรค์ การลองผิดลองถูกและประสบการณ์จะรวมทุกอย่างเข้าด้วยกัน “คุณจะเริ่มมองเห็นและเข้าใจแสง จากนั้นจะเริ่มเข้าใจว่าแฟลชสโตรปอาจช่วยคุณได้ยังไง ความเข้าใจนี้มาจากการฝึกฝนซ้ำแล้วซ้ำเล่า” ช่างภาพ Brendan Coughlin อธิบาย “ลองค้นหาการจัดแสงของช่างภาพคนอื่นๆ บน Google แล้วดูว่าสามารถนำมาใช้กับการทำงานของคุณได้ยังไง”

คำนึงถึงความท้าทายที่อาจเกิดขึ้นในการถ่ายภาพกีฬาโดยเฉพาะ เทคโนโลยีสะท้อนแสงบนชุดกีฬาจะปรากฏขึ้นก็ต่อเมื่อมุมตกกระทบของการสะท้อนแสงเป็นมุมตรง เช่น ในกรณีของคนที่อยู่หลังพวงมาลัยและไฟหน้ารถ หากต้องการถ่ายภาพที่มีเอฟเฟกต์เช่นนี้ในการถ่ายภาพสินค้า แสงสโตรปที่ใช้ถ่ายภาพในสตูดิโอจะใช้ไม่ได้ผล “เราจะใช้แฟลชวงแหวนบนตัวกล้อง ดังนั้นไม่ว่าคุณจะถ่ายภาพจากมุมไหน กล้องของคุณจะถ่ายภาพแสงสะท้อนไฮเปอร์ได้” Coughlin เล่า “แสงจะปรากฏอยู่เสมอโดยไม่ส่งผลต่อสภาพแวดล้อมในส่วนอื่นๆ ของคุณมากเกินไป”

ก้าวเข้าสู่วงการถ่ายภาพกีฬา

ไม่ว่าคุณจะมีเป้าหมายในการถ่ายภาพกีฬาระดับมืออาชีพหรือเพียงต้องการถ่ายภาพการแข่งขันกีฬาในท้องถิ่น ความต้องการในการถ่ายภาพเกมกีฬาคือจุดเริ่มต้นที่คุณจะเริ่มพัฒนาทักษะและสร้างความสัมพันธ์กับผู้อื่น

“ความชื่นชอบเกี่ยวกับกีฬาต้องมาก่อนเสมอ จากนั้นค่อยหยิบกล้องขึ้นมาแล้วเริ่มถ่ายภาพกีฬาตามความชอบ คุณจะเริ่มพบเจอผู้คนที่ชื่นชอบกีฬานั้นและมีอำนาจหรืออิทธิพลภายในชุมชนดังกล่าว” Thompson แนะนำ “ผมชอบเล่นสเกตบอร์ดแต่ผมเล่นไม่เก่งมากนัก แต่พอผมหยิบกล้องขึ้นมาแล้วเริ่มถ่ายภาพตามความชอบ ผมก็ได้รู้จักกับนักสเกตเก่งๆ มากมาย ซึ่งเป็นใบเปิดทางสู่การถ่ายภาพนิตยสารกีฬาสเกตของผม”

หากคุณประสบปัญหาในการหานักกีฬาเป็นตัวแบบเพื่อถ่ายภาพ อย่าลืมว่าโมเดลลิ่งเอเจนซี่ส่วนมากล้วนมีนักกีฬาอยู่ในกลุ่มลูกค้าให้คุณสามารถจองเพื่อถ่ายภาพได้

อีกวิธีหนึ่งคือ ค้นหาชุมชนช่างภาพในท้องถิ่นที่ผลัดกันรับชมผลงานของกันและกัน หรือติดต่อช่างภาพที่คุณชื่นชอบผลงานหรือเส้นทางอาชีพเพื่อเรียนรู้เทคนิคการถ่ายภาพจากช่างภาพคนดังกล่าว “ผมพยายามติดต่อช่างภาพคนหนึ่งที่ผมอยากร่วมงานด้วย ขนาดที่ผมยอมปัดกวาดถูพื้นให้ ยอมชงกาแฟให้” Coughlin เล่า “แล้วหลังจากนั้นสองเดือน เขาติดต่อกลับมาว่ามีงานถ่ายภาพงานหนึ่ง แล้วเรียกผมไปช่วยงานเป็นเวลาสองวัน จากนั้นเขาก็ให้ผมช่วยงานเพิ่มเป็นสี่วัน จนเราได้ทำงานร่วมกัน 40 วันติดๆ ซึ่งนำไปสู่การร่วมงานกันเป็นเวลาถึงสี่ปี”

เมื่อคุณมีประสบการณ์มากขึ้น แล้วความมั่นใจของคุณเพิ่มขึ้นตาม คุณจะมีโอกาสใช้พอร์ตโฟลิโอที่มีผลงานเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ของคุณและความสัมพันธ์ในวงการกีฬาเพื่อหางานเพิ่มได้ นอกจากนี้ ประสบการณ์ดังกล่าวยังจะช่วยให้คุณสามารถสื่อสารกับลูกค้า อาร์ตไดเรกเตอร์ และเอเจนซี่ต่างๆ ได้ดีขึ้น เพื่อถ่ายภาพที่ตอบโจทย์ความต้องการและมีคุณภาพเหนือความคาดหมาย เมื่อเวลาผ่านไป การฝึกฝนและการถ่ายภาพซ้ำๆ จะช่วยให้คุณได้รับชัยชนะในวันแข่งขัน